ผู้เขียน หัวข้อ: กรองเปลือยใส่แล้ว แรงขึ้นจริงหรือแย่ลง  (อ่าน 1713 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Far

  • บุคคลทั่วไป
กรองเปลือยใส่แล้ว แรงขึ้นจริงหรือแย่ลง
« เมื่อ: พฤศจิกายน 04, 2013, 06:10:48 AM »
กรองเปลือยใส่แล้ว แรงขึ้นจริงหรือแย่ลง

กรองเปลือยเป็นอุปกรณ์แต่งเครื่องยนต์ชิ้นแรก ที่นักแต่งรถนิยมหาซื้อมาใส่กัน แบบที่ว่าเปิดห้องเครื่องขึ้นมาต้องเห็นเกือบทุกคัน บางคนเปลี่ยนเพื่อ
หวังให้รถแรงขึ้น สวยงามขึ้น ไม่ต้องเปลี่ยนกรองอากาศบ่อยๆ ประหยัดน้ำมันขึ้น หรือบางคนเปลี่ยนตามๆเขาไป แต่จริงๆ แล้วเจ้าอุปกรณ์ตัวนี้เป็นที่
ถกเถียงกันมานมนาน ว่าใส่แล้วแรงขึ้น หรือแรงตกกันแน่ ขอตอบได้อย่างเดียวว่าทุกอย่างก็เกิดขึ้นได้ถ้ามี ... ก็อะไรล่ะครับ ก็ตั้งแต่การเลือกซื้อ
ความต้องการของเครื่องยนต์ การติดตั้ง การดูแลรักษา ถ้าถูกวิธีแล้วไม่เห็นต้องกลัวเลยครับว่าจะแรงตก พังเร็ว หรือกินน้ำมัน ก่อนที่จะรู้จักกรองเปลือย
เรามารู้จักหน้าที่ของกรองอากาศกันก่อนดีกว่า

กรองอากาศ Air filters
กรองอากาศหรือ Air filters เป็นส่วนสำคัญในระบบประจุอากาศให้กับเครื่องยนต์ มีหน้าที่กรองเอาอนุภาคต่างๆที่ปะปนมากับอากาศ เช่น พวกฝุ่น
หิน ดิน ทราย ฯลฯ ตั้งแต่ขนาดใหญ่จนถึงขนาดเล็ก ให้ติดอยู่ปล่อยเพียงอากาศริสุทธิเข้าเครื่องยนต์เท่านั้น เพื่อป้องกันเศษฝุ่นละอองต่างๆ เข้าไปทำลายชิ้นส่วนต่างๆของเครื่องยนต์ เพราะเศษฝุ่นแข็งๆ สามารถเข้าไปทำลายได้ตั้งแต่ ใบพัดหน้าเทอร์โบ ระบบรีดอากาศในซุปเปอร์ชาร์จเจอร์
ลิ้นปีผีเสื้อ เซนเซอร์ควบคุมอากาศ จับตัวกับน้ำมันเกาะรอบคอไอดี และพอร์ตไอดีทำให้ไอดีไหลช้าลง จับตัวกับหัวฉีด วาล์วและบ่าวาล์ว แหวนสูบ
และกระบอกสูบ จับหัวเทียน ฝุ่นละอองที่สามารถเล็ดลอดลงห้องเผาไหม้ไปได้จะปะปนกับน้ำมันเครื่อง ไปทำลายชิ้นส่วนทุกชิ้นที่น้ำมันเครื่องเข้าไป
หล่อลื่น ปะปนมากับท่อไอเสียจับตัวทำลายใบพัดหลังเทอร์โบ แคตตาไลติกคอนเวอร์เตอร์ และหม้อพักไอเสียให้ตันก่อนกำหนด โดยดักจับฝุ่นละออง
ให้ติดอยู่ตามเส้นใยไส้กรอง

ชนิดของกรองอากาศ มี 2 ชนิดคือ
1 แบบเปียก เป็นแบบโบราณที่เคยนิยมใช้กัน แต่สมัยก่อนนิยมมาก กรองอากาศมักจะทำด้วยตาข่ายแตนเลส เป็นรูพรุน ติดตั้งอยู่ในหม้อกรองอากาศ
แบบปิดภายในจะมีน้ำมันหล่ออยู่รอบๆไส้กรอง น้ำมันมีหน้าที่ดักจับฝุ่นระอองให้ตกลงไป ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนไส้กรอง แต่เปลี่ยนน้ำมันและล้างบ่อยๆ
แบบนี้มีประสิทธิภาพมากแต่ได้รับความนิยมน้อยลงคงด้วยเหตุผลการตลาด จะเห็นตามรถยนต์รุ่นเก่าๆใครอยากเห็นคงต้องขอดูกับผู้ที่รักรถมินิคงต้อง
รู้จักกันดี

2. แบบแห้ง เป็นแบบที่เราเห็นทั่วไป ไส้กรองนิยมทำจาก กระดาษหลายแผ่นซ้อนกัน ใยสังเคราะห์ชนิดต่างๆ บรรจุอยู่ให้หม้อกรองอากาศแบบปิด
ที่ได้รับการออกแบบมาหลายแบบ ทำหน้าที่ลดเสียงดังของเครื่องยนต์ มีท่อต่อไปรับอากาศนอกห้องเครื่อง สามารถเปิดมาทำความสะอาดและเปลี่ยน
ไส้กรองได้ง่าย แบบนี้เป็นที่รถโรงงานใช้กันอยู่

ทฤษฏี
การกรองอากาศ สามารถใช้เครื่องมือในการตรวจคุณภาพ จำพวก Manometer ใช้ทดสอบค่าต่างๆดังต่อไปนี้
1. ประสิทธิภาพ (Efficiency) ในการกำจัดฝุ่นละอองที่จะผ่านเข้าไปในห้องเผาไหม้ ว่าสามารถกรองอากาศได้ขนาดเท่าไหร่ ตั้งแต่ 0.5–1 ไมคอน
ยิ่งสามารถกรองอากาศได้เล็กมากยิ่งดีกว่า

2. ความสามารถในการเก็บฝุ่น (Dust holding capacity) ว่าสามารถดักเก็บฝุ่นละอองได้มากเท่าไหร่ แบบที่เก็บฝุ่นได้มากจะทำให้ไส้กรอง
ตันช้าลง

3. ความเสียดทานของกระแสลม (Air flow resistance) คือค่าความดันตก (Static pressure drop) ที่อากาศไหลผ่านว่าไหลได้เร็วแค่ไหน
อากาศไหลเร็วกว่าย่อมทำให้เครื่องทำงานดีขึ้น ไหลช้ากว่าเครื่องจะแรงตกลง

กรองเปลือย Hiperformance Air filters
ที่ต้องเรียกว่า Hiperformane Air filters ก็เพราะว่าไม่รู้ว่าจะทับศัพท์ยังไง อย่างเราๆก็ติดเรียกกันว่ากรองเปลือย ก็ใช่สิบ้านเราเห็นอะไรวับๆ
แวมๆเข้าหน่อยก็เรียกโป๊วเรียกเปลือยกันทั้งนั้น ก็กรองอากาศแบบนี้ส่วนมากแล้วมักจะติดตั้งอยู่ภายนอกหม้อกรองอากาศ ชนิดเปิดห้องเครื่องขึ้นมา
ก็เห็นตัวกันปั๊ป หรือบางรุ่นก็ทำมาติดตั้งแทนกรองอากาศเดิมได้เลย กรองเปลือยนั้นก็เป็นกรองอากาศแบบแห้งชนิดหนึ่ง พวกนี้จะได้รับการออกแบบ
และใช้วัสดุที่ดีกว่าเช่น Cotton , ฟองน้ำ , สแตนเลส มาทำเสียเป็นส่วนใหญ่เพื่อจุดประสงค์คือ ยอมให้อากาศไหลผ่านได้มากกว่า รวดเร็วกว่า ดักจับ
ฝุ่นระอองได้มากกว่า ใช้งานได้นานขึ้น ทำให้ต้นทุนสูงกว่ากรองกระดาษหรือพวกใยสังเคราะห์อยู่มาก

การเลือกซื้อกรองเปลือย
กรองเปลือยส่วนมากจะมีการออกแบบและใช้วัสดุการผลิต ขนาด และการติดตั้งที่ไม่เหมือนกัน ดั้งนั้นเราต้องทราบความต้องการในการใช้งานของเรา
ก่อนเลือกซื้อคือ

1. วัสดุ กรองเปลือยใช้วัสดุหลายชนิด แบบที่ใช้ฟองน้ำ , ผ้า cotton หรือ สแตนเลส แต่ละยี่ห้อจะมีคุณภาพแตกต่างกันแม้จะใช้วัสดุแบบเดียวกัน
ต้องเลือกที่ ความสามารถในการกรองฝุ่นละออง ความสามารถในการเก็บฝุ่น และความเสียดทานอากาศ
2. ขนาด ในเครื่องที่มีขนาดเล็กหรือ ซีซีต่ำไม่จำเป็นต้องใช้ขนาดใหญ่มากเท่าไหร่ แต่ในเครื่องที่มีขนาดใหญ่หรือได้รับการโมดิฟลายแล้ว ต้องเลือก
แบบที่มีขนาดใหญ่ เพราะอาจทำให้เครื่องดูดอากาศเข้าไม่ทันได้
3. การติดตั้ง ในรถทีมีเนื้อที่ติดตั้งแบบจำกัด อาจต้องใช้แบบที่สามารถเปลี่ยนใส่แทนของเดิมได้เลยจะได้ประสิทธิภาพดีกว่า ส่วนที่มีเนื้อที่ขนาดใหญ่
จะสามารถใช้กรองขนาดที่ใหญ่ได้และพอที่จะทำห้องกั้นอากาศ

การติดตั้งกรองเปลือย
เป็นเรื่องที่สำคัญมากในการที่จะเปลี่ยนมาใช้กรองอากาศแบบเปลือย เพราะต้องคำนึงถึงเนื้อที่จะติดตั้งว่ามีขนาดมากน้อยเพียงใด ส่วนใหญ่ในรถ
แบบ NA ไม่มีเทอร์โบควรใช้แบบที่สามารถเปลี่ยนแทนของเดิมได้เลย เพราะสะดวกกว่า ลดปัญหาการทำ airbox หรือห้องกั้นอากาศ ในเครื่องยนต์
เทอร์โบที่ได้รับการโมดิฟลายนิยม ใส่กรองเปลือยลูกใหญ่ เพราะเครื่องต้องการอากาศที่มากขึ้น อาจต้องมีการย้ายแบตเตอร์รี่เพิ่มพื้นที่ ทำห้องกั้น และ
ต่อท่ออากาศที่รับลมดูดจากภายนอกมายังห้องกั้นจะได้ผลดีที่สุด

ปัญหาต่างๆหลังการติดตั้ง และเปลี่ยนไปใช้กรองเปลือย
1. เครื่องแรงตกในรอบต้น ส่วนมากมักเกิดจาก การไหลของอากาศที่ดีและเร็วเกินไป มีผลทำให้ ส่วนผสมของน้ำมันบาง อากาศเข้ามากน้ำมันเข้าน้อย
(ส่วนมากรถโรงงานจะปรับน้ำมันมาให้เหมาะกับกรองอากาศเดิม) อากาศที่ไหลเข้าได้เร็วกว่าในรอบต่ำส่งผลให้เครื่องยนต์สูญเสียกำลัง (เครื่องยนต์
จะมีแรงบิดดีในรอบต่ำต้องอาศัยการรีดไอดีให้ผ่านได้ช้ากว่า ขนาดของท่อไอดี และความยาวของที่ไอดี)

2. แรงตกในรอบปลายกินน้ำมัน ส่วนมากเกิดจากการติดตั้ง เช่นติดตั้งในจุดที่รับอากาศร้อน ไม่มีกล่องดักอากาศ airbox ไม่มีช่องต่ออากาศเย็นมาให้
กับกล่องดักอากาศ (อากาศที่เย็นกว่าย่อมมีความหนาแน่นมากว่า การเผาไหม้ดีกว่า) การใช้กรองอากาศลูกเล็กเกินไป เครื่องจะดูดอากาศเข้าไม่ทัน
ส่วนผสมน้ำมันจะหนาทันที เมื่อได้รับการเปลี่ยนกรองต้องได้รับการจูนส่วนผสมน้ำมันให้เหมาะสมขึ้นด้วย

3. เครื่องยนต์กำลังตกลงเรื่อยๆ มักเกิดจากใส้กรองเริ่มอุดตัน ต้องถอดมาทำความสะอาด หรือเปลี่ยนใหม่ ใส้กรองที่ขาด หมดอายุจะทำให้ฝุ่นละออง
ที่เล็ดรอดเข้าไป จับตัวกับคราบน้ำมันหนาตัวขึ้น ขัดขวางการไหลของอากาศเช่น จับตัวหน้าปากเทอร์โบ ใบเทอร์โบ ท่ออินเตอร์ ติดสะสมในอินเตอร์
คูลเลอร์ ท่อไอดี พอร์ตไอดี พอร์ตไอเสีย โข่งเทอร์โบ แคต หม้อพักไอเสีย ถ้าเป็นอย่างนี้มีหวังต้องถอดทั้งชุดมาล้างกันยกยวง แต่ทางที่ดีแนะนำให้
เช็คไส้กรอง และทำความสะอาดบ่อยๆจะดีกว่า

4. กรองฉีกขาด เกิดจากการผลิตของกรองอากาศ การถอดมาทำความสะอาดที่รุนแรงไม่ถูกวิธี การติดตั้งไปเสียดสีกับอุปกรณ์อื่นๆ และกรองอุดตันมาก
จนแรงดูดอากาศทำให้กรองฉีกขาดได้ ต้องรีบเปลี่ยนใหม่ทันที

การดูและรักษา
กรองแบบกระดาษหรือใยสังเคราะห์แบบโรงงาน ต้องได้รับการเป่าทำความสะอาดทุกครั้งที่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง หรือถ้าใช้งานหนัก เส้นทางการใช้
งานทุรกันดารฝุ่นละอองมาก ต้องตรวจเช็คและเปลี่ยนเร็วกว่ากำหนด ประมาณ 10,000 – 20,000 กิโลเมตร กรองแบบฟองน้ำ เมื่อตันหรือสีเริ่ม
เปลี่ยน สามารถล้างด้วยน้ำยาล้างจาน ผึ่งให้แห้ง หรือหาน้ำมันเคลือบดักจับฝุ่นพ่นเคลือบอีกชั้นหนึ่ง แบบนี้ถ้าเริ่มสังเกตว่าฟองน้ำเริ่มขาด บีบดูแล้ว
ไม่ค่อยคืนตัว หดตัวเสียรูปให้รีบเปลี่ยนทันที ถ้าเป็นของ HKS จะแนะนำให้เปลี่ยนทุกครั้งที่เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง

กรองแบบผ้า Cotton เมื่อเห็นว่ามีฝุ่นผงติดอยู่มาก ต้องทำการล้างด้วยน้ำให้ชุ่ม ฉีดสเปรย์ล้างให้ทั่ว ล้างน้ำจนสะอาด ผึ่งแดดให้แห้ง แล้วจึงใช้น้ำยา
เคลือบจับฝุ่นพ่นให้รอบไส้กรอง แบบนี้สามารถล้างได้หลายครั้ง อายุการใช้งานยาวนานนับแสนโลกันเลย

กรองแบบ สแตนเลส แบบนี้จะตันไวกว่าแบบอื่นมาก แต่การทำความสะอาดง่าย ไม่ต้องถนุถนอมมาก ล้างด้วยน้ำยาล้างจาน ตากให้แห้ง แล้วใช้สเปย์
ดักจับฝุ่นพ่นเคลือบทั้งตัว แบบนี้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานมาก

ตัวอย่างในยี่ห้อในการเลือกซื้อ
การทดสอบนี้ผมได้หยิบยืมมาจากประเทศญี่ปุ่น ในการทดสอบค่าการกรองอากาศ และการทดสอบด้วยการวัดแรงม้า รถที่ใช้ทดสอบเป็น Toyota
Supra JZA80 เครื่องยนต์ 2JZGTE วัดแรงม้าขณะใช้กรองอากาศเดิมได้ 304 แรงม้า

SARD เป็นอีกยี่ห้อหนึ่งที่นิยมกัน วัสดุใช้ผ้าก๊อส cotton ปั้มขึ้นรูปเป็นลอน ด้านนอกเป็นโครงเหล็กมีความแข็งแรงมาก ความสามารถในการกรอง
ถือว่าสูงกว่าของเดิมโรงงาน อากาศไหลได้เร็วขึ้น แบบนี้การทำความสะอาดข้างยากว่า เพราะติดตะแกรงด้านนอก จากการทดสอบจะเห็นว่า ให้แรงม้า
เพิ่มขึ้น 11 แรงม้า ปริมาณฝุ่นละอองที่เล็ดลอดถือว่าทำได้ดีปานกลาง

K&N ต้องถือว่ายี่ห้อนี้เป็นที่คุ้นหูและมีชื่อที่สุดในเรื่องกรองเปลือยจริงๆ วัสดุใช้ผ้าก๊อส cotton ปั้มขึ้นรูปแบบเดียวกับของ Sard แต่เรื่องวัสดุถือว่า
เชื่อถือได้ในเรื่องการโฟว์อากาศได้ดี ดักจับฝุ่นได้มาก และปริมาณฝุ่นที่รับได้สูง จากการทดสอบจะเห็นว่า ให้แรงม้าเพิ่มขึ้น 13 แรงม้า ฝุ่นละออง
ที่เล็ดรอดอยู่ในระดับที่ดีปานกลาง

HKS Super power flow วัสดุทำจากฟองน้ำ 3 ชั้น กลมๆวางอยู่บนโครงแบบปากแตรขนาดใหญ่ มีตะแกรงเหล็กรูปรังผึ้งครอบอยู่ด้านนอก แบบนี้
ยอมรับว่าอากาศไหลได้เร็วมากจากการทดสอบจะเห็นว่า แรงม้าเพิ่มขึ้น 13 แรงม้า ปริมาณฝุ่นที่เล็ดรอดอยู่ในระดับที่มากที่สุด

BLITZ สำหรับยี่ห้อนี้มีลักษณะแตกต่างกว่าใครโดยใช้ ตะแกรงสแตนเลสแบบละเอียด ปั้มเป็นลอนขึ้นรูป แบบนี้มีความทนทานสูงและอายุการใช้งาน
ที่ยาวนานมาก แต่เรื่องปริมาณการรับฝุ่นน้อย ต้องหมั่นล้างบ่อยๆ จากการทดสอบจะเห็นว่า ให้แรงม้าเพิ่มขึ้น 13.9 แรงม้า ความสามารถในการกรอง
ถือว่าไม่ดีเท่าไหร่ แต่ยังดีกว่า ของ HKS

APEX เป็นสำนักหนึ่งที่ได้ผลิตกรองเปลือยมานาน ด้วยการออกแบบที่ทันสมัย ให้เสียงในการดูดอากาศที่ไม่เหมือนใคร วัสดุใช้เป็นผ้าก๊อส cotton
ขึ้นรูปมีตะแกรงสแตนเลสขนาดเล็กๆขึ้นรูปเป็นลอนหุ้มผ้ากรอง จากการทดสอบจะเห็นว่า แรงม้าเพิ่มขึ้น 14 แรงม้า ความสามารถในการกรองฝุ่น
ถือว่าทำได้ดีที่สุด