Vw-Inc.Net
VW- INC Forum => General Talk => ข้อความที่เริ่มโดย: Morgan ที่ มีนาคม 25, 2012, 07:15:44 PM
-
น้ำหล่อเย็น
น้ำหล่อเย็นคือการฉีดน้ำไปโดยตรงระหว่างอากาศกับเชื้อเพลิง น้ำที่ฉีดเข้าไปจะไปผสมกับอากาศทำให้มีความหนาแน่นและเย็นขึ้น และกระตุ้นให้กระบอกสูบทำงานมากขึ้น ส่งผลให้เครื่องยนต์เผาใหม้มีประสิทธิภาพมากขึ้น น้ำหล่อเย็นยังได้นำไปใช้ในรถแข่ง World Rally Championship แต่จะอันตรายเมื่อใช้กับขณะที่มีอากาศอุณหภูมิต่ำกว่า45 องศาเซลเซียส และมีความดันต่ำกว่า 0.6 บาร์ เพราะไกฉีดของรถแข่งจะทำงานที่อุณหภูมิ 42 องศาเซลเซียส ปิดลงที่ อุณหภูมิ 38 องศาเซลเซียสมีความดันสูงกว่า 0.6 บาร์
การระบายความร้อน
การะบายความร้อนทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป ต่างกับการผสมอากาศกับน้ำมันเชื้อเพลิงเล็กน้อย เพราะการระบายความร้อนมักพบได้ทั่วไปในเครื่องยนต์เทอร์โบและออกแบบมาเพื่อให้อากาศภายนอกที่ไหลเวียนเย็นลง และทำให้เครื่องยนต์แรงขึ้น อากาศที่เย็นลงบริเวณภายนอกสามารถไหลผ่านได้ดีทั้งทางตรงและทางอ้อม การไหลเวียนโดยตรงจะติดตั้งตัวระบายความร้อนที่บริเวณด้านหน้ารถ ส่วนทางอ้อมนั้นจะติดตั้งไว้ในห้องเครื่องยนต์เพื่อเป็นตัวปรับหรือระบายอากาศ
น้ำหล่อเพื่อช่วยระบายอากาศ
พบได้ในรถซูบารุ รุ่น WRX Sti คือแทนที่จะใช้การฉีดน้ำเข้าไปในน้ำมันเชื้อเพลิงกับอากาศ ซูบารุใช้พ่นสเปรย์น้ำไปยังด้านนอกของตัวระบายอากาศเพื่อทำให้หล่อยเย็นทำงานเต็มที่ ในรุ่นท๊อปยังใช้ ECU เป็นตัวควบคุมการจุดระเบิดในกรณีที่มีอุณหภูมิสูงอีกด้วย ในรถที่ไม่ใช่สเปคสูงๆ จะมีปุ่มแบบแมนนวลควบคุมได้ภายในเวลา 5 วินาที
อัดอากาศดีเข้าดับความร้อน
ระบบนี้พัฒนามาจากระบบน้ำหล่อเพื่อช่วยระบายอากาศ แทนที่จะใช้การพ่นสเปรย์น้ำรอบอินเตอร์คูลเลอร์ด้านนอก ก็หันมาใช้ถังเพื่อฉีดน้ำตรงไปยังหม้อน้ำ ปั๊มนี้จะจ่ายน้ำไปยังถังอัดอากาศเพื่อฉีดไปทั่วทั้งหม้อน้ำ การอัดอากาศนี้ทำได้ดีขณะที่เครื่องยนต์เริ่มทำงานและเมื่อเครื่องยนต์ร้อนก็จะทำให้เกิดความต้องการให้มีการฉีดน้ำมากขึ้น
ระบบทำความเย็น
แทนที่จะใช้การฉีดน้ำโดยตรง ระบบทำความเย็นนี้ทำหน้าที่เหมือนหม้อน้ำเพื่อช่วยทำให้อากาศเย็นลง โดยจะบีบอัดก๊าซเช่นเดียวกับตู้เย็นที่ใช้ในบ้านเรือน ก๊าซจะถูกบีบอัดความเย็นให้กลายเป็นของเหลวแล้วส่งไปยังตัวเปลี่ยนความร้อน และส่งกลับไปยังก๊าซอีกครั้งเพื่อให้เย็นลงและด้วยเหตุนี้อากาศจะเย็นลงกว่าเดิม ซึ่งตอนนี้ ก๊าซที่เย็นลงนั้นจะถูกบีบอัดอีกครั้งที่ภายนอกอินเตอร์คูลเลอร์ให้ระบายความร้อนออกผ่านทางหม้อน้ำ
Nitrous Oxide – NoS
nitrousnos [รถแต่ง] วิธีปรับแต่งรถอื่นๆ ที่ทำให้รถแรงขึ้น
หากเคยดูหนัง Fast and the furious จะพบว่ามีการใช้ nitrous oxide (N2O) หรือรู้จักกันในเครื่องหมายการค้าว่า NoS โดยให้เป็นตัวเติมออกซิเจนเพื่อเพิ่มกำลังให้เครื่องยนต์ คือ ในส่วนผสมของไนตรัสจำนวน 1 โมเลกุลจะประกอบด้วยไนโตรเจน 2 ส่วนและออกซิเจน 1 ส่วน เมื่ออยู่ในถังบรรจที่มีแรงอัด จะมีสภาพเป็นโฟมเหลวๆ แต่เมื่อนำมาใช้งานจะเปลี่ยนเป็นก๊าซที่ฉีดเข้าไปในห้องเผาไหม้ ในขณะที่จุดระเบิดในกระบอกสูบจะเกิดการแตกตัวและปล่อยออกซิเจนออกมา ตามทฤษฎีแล้วออกซิเจนเพิ่มมากขึ้นก็สามารถช่วยให้การเผาไหม้ของเชื้อเพลิงดีขึ้น จึงเป็นที่มาว่าเหตุใดเครื่องยต์จึงมีกำลังกว่าเดิมมาก โดยปกติ ปริมาณออกซิเจนในอากาศอยู่ที่ 20% แต่ใน NOS มีถึง 33% ชุดติดตั้งไนตรัสมีอุปกรณ์คล้ายๆ กัน ได้แก่ โซลินอยด์ ท่อแก๊สไนตรัส ถังเก็บแก๊สไนตรัส วงจรไฟฟ้าควบคุมพร้อมชุดหัวฉีด แต่ NoS มีข้อเสีย คือสูบแต่ละสูบจะได้รับแก็สปริมาณไม่เท่ากัน ทำให้เครื่องยนต์สึกหรอง่าย หากฉีดมากเกินไป น้ำมันไม่พอ หรือมีการจุดระเบิดเกินกว่าที่เครื่องรับได้ก็สามารถทำให้เกิดความเสียหายได้ อีกทั้ง เมื่อเพิ่มกำลังอย่างรวดเร็ว มิได้ทำให้รถเร็วขึ้นแต่อย่างใด แต่กลับทำให้รถลื่นไถลและยังทำลายคลัตช์ด้วย มิหนำซ้ำ หากถังเก็บก๊าซ NoS ไม่มีน้ำรถจะต้องลากถังใบโตที่ไร้ประโยชน์ไปด้วย
ทางเลือกในการเพิ่มแรงให้รถ – ทำให้รถเบาที่สุด less weight
ความสัมพันธ์ระหว่างน้ำหนักกับพลังของรถ
ผู้คนจำนวนมากจะคิดเฉพาะพลังของรถ แต่ละคนต่างก็ต้องการให้รถเร็วขึ้นๆ แต่ไม่ได้คิดถึงความสัมพันธ์ของน้ำหนักกับพลังของรถเลย รถยนต์คันยักษ์กับเครื่อง V8 บางทีวิ่งเร็วกว่ารถญี่ปุ่นเสียอีก นั่นคือตัวอย่างที่เห็นได้ชัด ดังนั้น จึงไม่สามารถวัดได้ว่ารถสองคัน คันใดแรงกว่ากัน หากน้ำหนักของรถมีความต่างกัน ดังเห็นได้จากซูบารุ ผลิตรุ่น Impreza ในหลายแรงม้า ใน2007 ซึ่งมีหลายช่วง โดยดูจาก kerb weight หรือ น้ำหนักของตัวรถรวมอุปกรณ์มาตรฐานต่างๆ ของตัวรถ และน้ำหนักองค์ประกอบอื่นๆ ที่จำเป็นของตัวรถ เช่น น้ำมันเครื่อง น้ำฉีดกระจก น้ำมันเครื่องเป็นต้น ดังนี้
Impreza 2.5i 173hp มี kerb weight 3067 lbs
Impreza WRX 224hp มี kerb weight 3296 lbs
Impreza WRX STi 293hp มี kerb weight 3351 lbs
และ
Impreza 2.5i = 1:17.72
Impreza WRX = 1:14.71
Impreza WRX STi = 1:11.43
นน.รถ มาจากจำนวนแรงม้าหารด้วย นน. kerb weight ดังนั้น 173 hp หารด้วย kerb weight 3,067 lbs จะเท่ากับ 0.0564334 หรือ มาตรฐาน เท่ากับ 1:17.72
หรือ
Impreza WRX STi = 293hp, 3351 lbs kerb weight มีอัตราเร่งของรถที่ 1:11.43
CBR600RR = 118hp, 345 lbs kerb weight มีอัตราเร่งของรถที่ 1:2.93
carbonhood [รถแต่ง] วิธีปรับแต่งรถอื่นๆ ที่ทำให้รถแรงขึ้น
คำตอบอยู่ที่ น้ำหนัก!
จะถูกจะแพงอยู่ที่ นน. ของรถ ในคู่มือกล่าวไว้ว่า ที่ นน. รถทุกๆ 100 lbs (45 กก.) รถจะมีค่าเฉลี่ยการวิ่งที่ระยะทาง1/4 mile time สำหรับสุดยอดรถแข่ง การเสริมกำลังเครื่องยนต์ และลด นน. ของรถ เป็นการเพิ่มสมการกำลังเครื่องยนต์ และลดสมการ นน. และอัตราการเร่งของรถให้มีสมรรถนะมากขึ้น ขึ้นอยู่กับว่าคุณอยากให้รถแรงแค่ไหน หากคุณไม่คำนึกถึงการบรรทุกผู้โดยสารแล้ว ก็เริ่มลด นน. ของตัวรถได้เสียตั้งแต่บัดนี้ ด้วยการเก็บของท้ายรถ และบนเบาะหลังออกให้หมด ยางอะไหล่ กระจกเปลี่ยนเป็นพลาสติกยังได้ ถอดคอนโซลหน้ารถออก พรม ฯ อีกวิธีคือการใช้ฝากระโปรงรถแบบคาร์บอนไฟเบอร์ ก็จะเห็นภาพกระโปรงรถสีดำๆ นั่นเอง คงมองภาพออกแล้วนะครับ
ฝากระโปรงรถก็แค่เป็นตัวครอบเครื่องยนต์เท่านั้น ไม่ได้มีส่วนช่วยในเรื่องอุบัติเหตุใดๆ เลย ดังนั้นการใช้ฝากระโปรงรถแบบคาร์บอนไฟเบอร์จะลด นน. ลงได้ ประมาณ 4 กก. หรือ 8.8 lbs. ฟังดูน้อยหรือครับ ลองวางกระสอบน้ำตาลจำนวน 4 กระสอบแล้วยกด้วยแขนดู 4 กก. มากอยู่นะครับ
คนทั่วไปมักลืมคำนึงถึงความสำคัญของ นน. ตัวรถ จึงไม่น่าแปลกใจว่าเหตุใดรถแข่งจึงมีตัวรถเป็นแผ่นอลูมินั่มหรือคาร์บอนไฟเบอร์ และไม่มีเบาะผู้โดยสาร หากไม่คำนึงถึงความเหมาะสมอะไร ก็ถอดออกให้หมด เป็นการลด นน. ตัวรถได้ดี กะทะล้อก็ต้องเป็นอัลลอยด์ จะช่วยลดค่าน้ำหนักใต้สปริงของช่วงล่างได้ดีเช่นกัน หรือการเปลี่ยนดิสก์เบรคจากโลหะให้เป็นเซรามิคเสริมคาร์บอนไฟเบอร์ก็ช่วยลด นน. ได้ (อุปกรณ์มาตรฐานในรถ Porsche บางรุ่น) หากเป็นห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายการเปลี่ยนมาใช้ดิสก์แบบคาร์บอนบริสุทธิ์ก็ได้เช่นกัน
ทางเลือกที่สอง – ลดการใช้พลังงานเครื่องยนต์
ในความเป็นจริงแล้ว เครื่องยนต์มีเพียงหน้าที่เดียวคือทำให้คุณทะยานไปข้างหน้า และในความเป็นจริงอีกเช่นกันเครื่องยนต์ก็ทำอะไรมากไปกว่านั้นไม่ได้อีกแล้ว แต่ชีวิตจริง เครื่องยนต์กลับทำหน้าที่มากกว่านั้น เครื่องยนต์ทำให้เกิดไฟเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ และในปัจจุบัน เครื่องยนต์ของรถส่วนใหญ่ยังทำหน้าที่ขับเคลื่อนระบบเครื่องปรับอากาศเมื่อรถใช้งานอีกต่างหาก จึงทำให้เครื่องยนต์เกิดการใช้พลังงานจำนวนมาก ในคู่มือกล่าวไว้ว่า การใช้ไดชาร์จทุก 25 amps เท่ากับเครื่องยนต์เสียพลังงานไปแล้ว 1 hp และขณะที่รถวิ่งจะเกิดการใช้พลังงานเครื่องยนต์เพื่อเกิดไฟฟ้ากระแสสลับ5% Automobile blog บอกไว้ว่าแรงบิดของรถ BMW Z4 จะลดลงเมื่อสวิตซ์ตัดคอมแอร์ทำงาน
ลองนึกภาพเครื่องยนต์ 150 แรงม้าที่สวิตซ์ตัดคอมแอร์ทำงาน ในหน้าร้อน พร้อมเปิดวิทยุ เล่น DVD /LCD พร้อมๆ กัน รถคุณจะสูญเสียแรงม้าเพื่อจ่ายไฟไปยังการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เหล่านั้น (ไหนจะพวงมาลัยไฟฟ้า เบาะปรับไฟฟ้า วิทยุ แผงวงจร อีก ฯ) และจะหายไปอีก 1.5 แรงม้าเพราะแอร์ทำงาน ดังนั้นจาก 150 แรงม้า จะเหลือเพียง 140 แรงม้า วิธีแก้คือปิดปุ่ม สวิตซ์ตัดคอมแอร์เสีย หากอากาศภายนอกไม่ร้อนมากก็ไม่จำเป็นต้องใช้ เช่นในหน้าหนาว และลองดูอุปกรณ์ที่แยกชาร์จไฟที่ต้องใช้พลังงานจากเครื่องยนต์ การเปลี่ยนไดชาร์จคุณภาพดีจะสามารถจ่ายไฟได้ดีกว่าเดิม
ชุดสายดิน และอุปกรณ์ตัดความถี่สัญญาณรบกวนไฟกระแสตรงในรถ
อุปกรณ์จำพวกชุดสายดินนับว่าช่วยทำให้กระแสไฟไหลไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ได้เต็มระบบขึ้นสำหรับรถยนต์เก่า เช่น ในมาสด้า รุ่น RX-7 รถมีสมรรถนะมากขึ้นอันมาจากการปรับปรุงชุดสายดิน ชุดอุปกรณ์ตัดความถี่สัญญาณรบกวนไฟกระแสตรงในรถก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เรามักเห็นกัน เนื่องจากเมื่อรถติดเครื่อง จะต้องมีประจุไฟฟ้าเข้าไปในแบตเตอรี โดยมีการแปลงไฟกระแสสลับจากไดชาร์จมาเป็นไฟกระแสตรง ซึ่งทำให้เกิดสัญญาณรบกวนความถี่ต่างๆ กันไป พร้อมกับกระแสไฟ 12 โวลต์นั้น อุปกรณ์นี้มักปรากฏในรูปกล่องพลาสติก คาปาซิเตอร์จะทำหน้าที่กรองความถี่ไม่พึงประสงค์ออก ทิ้งลงกราวด์ไปได้ ทำให้ไฟกระแสตรงในรถมีความราบเรียบมากขึ้น การทำงานของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ในรถก็มีประสิทธิภาพดีขึ้นด้วย รถยนต์สมัยใหม่จะมีตัวเก็บประจุแล้ว และไม่ต้องกังวลเรื่องการเรียงตัวเก็บประจุแต่ควรคำนึงถึงขั้วของตัวเก็บประจุมากกว่า เนื่องจากไม่ควรต่อวงจรสลับขั้วเด็ดขาด เพราะอาจทำให้ระบบไฟในรถเกิดปัญหาได้
เทอร์โบและซุปเปอร์ชาร์จเจอร์ (Supercharger)
ทราบหรือไม่ว่าทำไมเทอร์โบและซุปเปอร์ชาร์จเจอร์ จึงทำให้รถมีกำลังมากขึ้น เทอร์โบมีรูปร่างเหมือนกังหัน การทำงานจริงๆของเทอร์โบ ก็คือการอาศัยไอเสียที่ออกจากเครื่องยนต์ไปขับล้อเทอร์ไบน์ที่ต่อกับล้ออัดอากาศที่อยู่บนแกนเพลาเดียวกัน ทำให้อัดอากาศเข้ากระบอกสูบด้วยความเร็วสูง ดังนั้นแทนที่จะทิ้งไอเสียไป ก็นำมาใช้ประโยชน์จึงทำให้กำลังของเครื่องยนต์สูงขึ้น ความแตกต่างของสองสิ่งนี้อยู่ที่วิธีในการขับเคลื่อน
เทอร์โบ
turbo [รถแต่ง] วิธีปรับแต่งรถอื่นๆ ที่ทำให้รถแรงขึ้น
ประดิษฐ์ครั้งแรกในปี 1925 โดยวิศวกรชาวสวิส ชื่อ Alfred Buchiเป็นการใช้ของเหลือทิ้ง นำไอเสียมาผ่านกังหันไอเสียหรือเทอร์ไบน์เพื่อให้หมุน กำลังจะนำให้คอมเพรเซอร์ ที่ติดตั้งบนแกนเดียวกันอีกด้านหนึ่งหมุน และอัดอากาศเข้าเครื่องยนต์ ยิ่งแรงดันไอเสียมากเท่าไหร่จะทำให้เทอร์โบหมุมเร็วมากเท่านั้น แต่ก็ควรระวังเรื่องTurbo Lag หรืออาการรอรอบเทอร์โบในขณะถอนคันเร่งด้วย ขณะที่เราเร่ง จะมีลมและไอเสียเข้ามามาก การรอรอบระหว่างอัตราเร่งและขณะถอนใบพัดหมุนอาจต่างกันได้ ข้อดีของเทอร์โบคือการใช้ของไร้ประโยชน์มาสร้างกำลังให้รถ เทอร์โบสามารถหมุนได้ถึง 150000 รอบต่อนาทีและเพราะการนำเอาลมเสียมาใช้ประโยชน์นี้ ทำให้มีความร้อนสูงถึง 800 องศาเซลเซียสได้ในบางครั้ง
รูปแสดงให้เห็นถึงภาพบตัวขวางของเทอร์โบ การไหลเวียนของก๊าซเสียผ่านส่วนสีน้ำตาลบริเวณด้านหลัง ผ่านใบพัดเทอร์ไบน์ และส่งให้เพลาหมุน
ระบบการลดอาการรอรอบเทอร์โบ
อย่างที่ได้กล่าวไว้แล้วว่าอาการรอรอบนั้นเกี่ยวเนื่องกับเวลา ระบบการลดอาการรอรอบเทอร์โบ จึงจะมาช่วยให้ระยะเวลาการรอรอบน้อยลง ทำให้เทอร์โบมีการบูสต์ตลอดเวลา ระบบนี้ เป็นการเพิ่มอากาศเข้าไป เพื่อที่จะให้ไอเสียไปปั่นเทอร์ไบน์ และจะเข้าไปในห้องเผาใหม้มากขึ้น อาจสูงถึง 200-1000 องศาเซลเซียส
Dump valves
เป็นอุปกรณ์ช่วยระบายแรงดันส่วนเกินในขณะที่ถอนคันเร่งกระทันหันหรือในช่วงเปลี่ยนเกียร์ ไม่ให้แกนเทอร์โบขาด และบูสท์ได้ต่อเนื่อง เป็นการรักษารอบการหมุนของแกนเทอร์โบไว้เพื่อการกดคันเร่งซ้ำ เพราะกว่าเทอร์โบจะบูสท์อีกครั้งอาจจะต้องใช้เวลาจำนวนหนึ่ง dump valve จะทำให้ช่วงเปลี่ยนเกียร์บูสท์ได้ต่อเนื่องกว่า เพราะจะระบายแรงดันส่วนเกินกลับไปที่ท่อก่อน และรถที่มีการติด dump valve จะมีเสียงดัง ฟีชชช
ซุปเปอร์ชาร์จเจอร์
twinscrew [รถแต่ง] วิธีปรับแต่งรถอื่นๆ ที่ทำให้รถแรงขึ้น
ซุปเปอร์ชาร์จเจอร์ทำหน้าที่อัดอากาศหรือเพิ่มปริมาณอากาศเข้าไปในห้องเผาไหม้มากกว่าปกติ โดยการใช้กำลังของเครื่องยนต์จากเพลาข้อเหวี่ยงเป็นตัวหมุนตัว แล้วอัดอากาศผ่านสายพานหรือชุดเฟืองหรือชุด เกียร์เพื่อทำให้อากาศจากบริเวณรอบๆ มีแรงดันที่สูงขึ้น และไหลแรง และเร็วขึ้น การมีซุปเปอร์ชาร์จเจอร์จะทำให้ไม่เกิด lag เมื่อเครื่องยนต์มีการเร่งการทำงานซุปเปอร์ชาร์จเจอร์ก็จะเร่งด้วยเพราะเป็นการติดเชื่อต่อกันโดยตรง นี่คือข้อดีของซุปเปอร์ชาร์จเจอร์แต่ก็มีข้อเสียเช่นกัน คือใช้กำลังของเครื่องยนต์มาปั่นใบพัด ทำให้สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมาก ซุปเปอร์ชาร์จเจอร์ในยุคปัจจุบันจะมีขนาดกระทัดรัดและสามารถติดตั้งอยู่ได้ทั้งด้านบน หรือถัดจากท่อสูบ โดยทั่วไปจะเป็นแบบ twin-screw supercharger ซึ่งจะมี interlocking Archimedes screw compressors 1 คู่ ดังภาพด้านขวา เพื่อดูดอากาศเข้าและอัดอากาศในเวลาเดียวกัน Centrifugal superchargers จะเป็นการผสมผสานระหว่าง เทอร์โบกับ twin-screw superchargers เป็นการขับเคลื่อนให้หมุนไปตามรอบเครื่องยนต์โดยตรงตั้งแต่เครื่องยนต์เริ่มหมุน ซุปเปอร์ชาร์จเจอร์แบบเก่าหรือคลาสสิคจะพบได้ในรถอเมริกันปี 70 ที่มีช่องแอร์และสายพานใหญ่ๆ
supercharger [รถแต่ง] วิธีปรับแต่งรถอื่นๆ ที่ทำให้รถแรงขึ้น
การพันท่อไอเสียด้วยผ้า
exhaustwrap [รถแต่ง] วิธีปรับแต่งรถอื่นๆ ที่ทำให้รถแรงขึ้น
การพันท่อไอเสียด้วยผ้าเพื่อป้องกันหรือลดการถ่ายเทความร้อนของท่อไอเสียและอากาศโดยรอบ โดยหลักแล้วอากาศร้อนจะวิ่งไปสู่อากาศเย็น ร้อนมากวิ่งเร็วมาก หากให้ท่อเปลือยโดนอากาศ ตั้งแต่หัวจรดปลาย ท่อจะเย็นลง และจะเปลี่ยนความร้อนกับอากาศในห้องเครื่องยนต์ ทำให้ร้อนขึ้น ผ้าจึงคิดว่าทำเพื่อไม่ให้อากาศถ่ายเทอากาศมากเกินไป คือความร้อนจะค่อยๆ แผ่มาข้างนอกอย่างช้าๆ สำหรับรถเทอร์โบ นับว่าช่วยให้รถแรงขึ้นได้เพราะใบพัดจะหมุนเร็วขึ้น หมายถึงการมีแรงไปทำให้เครื่องยนต์แรงขึ้น จะเห็นว่าทุกอย่างสัมพันธ์กันนะครับ อินเตอร์คูลเลอร์ก็มีหน้าที่ระบายความร้อนของอากาศที่ผ่านมาจากเทอร์โบ ใช้น้ำหรืออากาศภายนอกเป็นตัวถ่ายเทความร้อนของอากาศ (Heat Exchanger) จากเทอร์โบ เมื่ออากาศเย็นลงความหนาแน่นของอากาศจะเพิ่มขึ้น และเพราะอุณหภูมิที่ลดลง ทำให้โมเลกุลอากาศหดตัว ที่ปริมาตรพื้นที่เท่าเดิมจะมีปริมาณโมเลกุลของเพิ่มมากขึ้น ทำให้เราสามารถเพิ่มกำลังของเครื่องยนต์ได้มากขึ้นหากเพิ่มน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไป
คำเตือน – หลายคนคิดว่าการผ้าที่พันท่อจะซับน้ำได้ และทำให้เฮดเดอร์อ่อนลงได้ กรุณาอย่าเชื่อเชียวครับ
credit: carbible.com