ผู้เขียน หัวข้อ: คันเร่งค้าง? อย่าดับเครื่อง  (อ่าน 2115 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Far

  • บุคคลทั่วไป
คันเร่งค้าง? อย่าดับเครื่อง
« เมื่อ: กรกฎาคม 12, 2015, 05:26:51 AM »
คันเร่งค้าง? อย่าดับเครื่อง

หายไปนานแล้วก็กลับมาแชร์กันอีก สำหรับบทความ (หรือเรื่องแต่ง?!?) ที่ทำให้ผู้คน

เข้าใจกันว่าถ้าหากขับรถไปแล้วจู่ๆรถเรื่องเครื่อง หรือคันเร่งค้าง ให้ดับเครื่องทันที

แล้วเหยียบเบรก ซึ่งการดับเครื่องนั้นเป็นวิธีที่ผิด!!

พี่น้องสื่อมวลชน สายเก่า สายใหม่ ทั้งสายแม็กกาซีนและสื่อออนไลน์ ช่วยกันพูด ย้ำแล้วย้ำอีก พูดกันจนคอแตกคอแห้งกำกิกเผี่ยงเอาไม่อยู่หรือเขียนกันจนเมื่อยมือ ท่านผู้อ่านจำนวนมากที่ติดตามพวกเรามาตลอดก็ช่วยกันแชร์เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง แต่จนแล้วจนรอด พวกเนื้อหาจาก Forward Mail หลอกผู้ใหญ่ (ขอใช้คำว่าหลอกผู้ใหญ่เพราะใช้ “หลอกเด็ก” เหมือนโทษเด็กทั้งๆที่เนื้อหาพวกนี้นั้นถูกขยายและโหมแชร์ โดยผู้ใหญ่เสียเป็นส่วนมาก) ดังนั้น เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง ผมขอเขียนไว้ตรงนี้เพื่อช่วยพี่น้องสื่อมวลชนสายรถยนต์อีกแรงนึงในการช่วยไม่ให้มีคนเจ็บตัวโดยไม่จำเป็น!

คันเร่งค้าง อย่าดับเครื่อง! ดับทำไมในเมื่อมีวิธีที่ไวกว่าและปลอดภัยกว่า จำง่ายๆดังนี้

1. ผลักไปเกียร์ว่าง

การผลักไปเกียร์ว่าง คือการตัดไม่ให้เครื่องยนต์ส่งกำลังไปยังเกียร์ (ซึ่งเกียร์ก็คือสิ่งที่ ส่งกำลังขับเคลื่อนไปยังล้อรถของท่าน การผลักไปเกียร์ N (เกียร์ว่าง) นั้นหากท่านลองทำเล่นๆกับรถของท่านดูจะพบว่ามันสามารถผลักไปตรงๆได้โดยไม่ต้องกดปุ่ม ที่หัวเกียร์ แล้วจะไม่เลยไปถึงเกียร์ R (ถอยหลัง) ด้วย

เมื่อคันเร่งยังค้างอยู่ แล้วตบไปเกียร์ว่าง รอบเครื่องยนต์จะพุ่งขึ้นสูง ไม่ต้องตกใจ เครื่องยนต์หัวฉีดสมัยใหม่ (ตั้งแต่ประมาณปี 1990 เป็นต้นมา) มีโปรแกรมที่คอยจำกัดการทำงานของรอบเครื่องอยู่แล้ว อย่างรถตัวอย่างนี้คือ Honda Civic ปี 04 หากอยู่ในเกียร์ว่างแล้วคันเร่งถูกกดไม่ว่าจะลึกแค่ไหน รอบจะตีไม่เกิน 5,000

2. เบรกและพยายามเอารถเข้าข้างทางอย่างปลอดภัย

หลังจากเข้าเกียร์ N ตัดกำลังไม่ให้เครื่องส่งไปที่เกียร์แล้ว ทีนี้ก็เบรก แต่ในการเบรกนั้น ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยรอบตัวด้วย ไม่ใช่ว่า

คันเร่งค้างปุ๊บ ตบเกียร์ N แล้วเบรกหัวทิ่มทันที อันนี้ก็เจ็บตัวได้เหมือนกัน ในการเบรก ถ้าข้างหน้ามีรถติดอยู่เป็นแพ ไม่มีที่เบรก หรือสมมติว่าเป็น ทางม้าลายที่เด็กนักเรียนกำลังข้ามกันเป็นสิบ อย่างนี้ค่อยเบรกสุดตัว หากจำเป็นต้องเบรกรุนแรงมากๆ พยายามประคองรถให้ดี พวงมาลัยให้ ใกล้เคียงตำแหน่งตรงที่สุด เพราะถ้าหากกระแทกเบรกแรงๆตอนรถกำลัง เลี้ยวโค้ง ตัวรถอาจเสียการทรงตัว หมุนคว้างได้

แต่หากข้างหน้าไม่มีรถติด และมีเนื้อที่ปลอดภัยพอสำหรับการหยุดรถ ก็ให้เบรกชะลอลง มองหาขอบทางว่าตรงไหนพอจะจอดได้อย่างปลอดภัย ก็ให้ปล่อยรถไหล/สลับกับเบรก ให้รถไปหยุดอยู่ตรงนั้นพอดิบพอดี จากนั้นค่อยดับเครื่อง แล้วจะสำรวจพรมผ้ายางขัดคันเร่ง สำรวจห้องเครื่อง สายคันเร่ง, โทรเรียกช่าง เรียกรถยก โทรหาแฟนเรียกขวัญและกำลังใจ ก็ว่าไป

จำง่ายๆ แค่ 3 อย่าง

1. อย่าดับเครื่อง (โว้ย)

2. เข้าเกียร์ N (เกียร์ว่าง) ถ้าเป็นรถเกียร์ธรรมดาก็เหยียบคลัตช์แล้วปลดมาเกียร์ว่าง

3. เบรกโดยคำนึงถึงความปลอดภัย ถ้ามีระยะเหลือๆก็ไม่ต้องเบรกให้ตัวโก่ง

ลองดูคลิปนี้เป็นตัวอย่างก็ได้ครับหากต้องการเห็นภาพ

ถาม/ตอบเพิ่มเติม:

1. ทำไมถึงไม่ควรดับเครื่องเมื่อคันเร่งค้างทั้งๆที่เป็นการตัดกำลังเครื่องยนต์ที่ชัวร์มาก?

– การดับเครื่องยนต์ไม่ได้ตัดแค่กำลังเครื่อง แต่ยังส่งผลให้ระบบผ่อนแรงพวงมาลัย

และระบบผ่อนแรงเบรกหยุดการทำงานตามไปด้วย พวงมาลัยจะหนักขนาดไหน?

ลองสตาร์ทรถ หมุนพวงมาลัยเล่น หมุนต่อไปเรื่อยๆอย่าหยุด ไปๆมาๆ จากนั้นดับเครื่อง

เห็นมั้ยครับว่ามันหน่วงมือขนาดไหน ส่วนเบรกจะหนักขนาดไหน ก็ลองดูได้ครับ

หาที่โล่ง ไม่เอาซอยนะ ในซอยบางทีมีเด็กวิ่งตัดหน้า จะซวยฟรี หาที่โล่งๆ เร่งรถ

แล้วดับเครื่อง แล้วลองพยายามเบรกดูสิครับ หนักไหม

รถบางรุ่น ถ้าหมุนกุญแจกลับ พวงมาลัยจะล็อค หมุนไม่ได้ บางรุ่นต้องดึงกุญแจออก

จึงจะล็อค ในนาทีวิกฤติ มีเวลามาลองมั้ย? รถบางคัน และหลายคันสมัยนี้ที่ใช้ปุ่มสตาร์ท

คุณกดปิด Off ตอนวิ่งอยู่ รถไม่ดับให้ก็มี บางรุ่นต้องกดค้าง 3 วินาทีถึงจะดับ ถึงเวลา

หัวเลี้ยวหัวต่อจะคิดได้หรือไม่?

2. ถ้าเข้าเกียร์ N แล้วรอบดีดขึ้นสูง เครื่องจะไม่พังหรือ?

– เครื่องยนต์หัวฉีดรุ่นใหม่ มีโปรแกรมสั่งจำกัดการทำงานรอบเครื่องไม่ให้เกินพิกัด

ที่เครื่องจะทนไหวอยู่แล้ว อย่างมากเข็มวัดรอบก็ไปดิ้นๆอยู่แถวๆขีดแดง ดีดๆอยู่แค่

ไม่ถึงสิบยี่สิบวินาทีเครื่องไม่พังหรอกครับ

รถติดแก๊สบางคัน อาจจะมีผลบ้าง เพราะบางคันที่ผมเจอมา พอตัดไปใช้แก๊สแล้ว

ไม่มีการตัดรอบเครื่องก็มี เคสนี้เครื่องก็อาจพัง แต่คุณเลือกได้ว่าอย่างให้เครื่องพัง

หรือร่างกายคุณกับชีวิตครอบครัวการงานที่เหลืออยู่พัง

3. คันเร่งค้างเกิดจากอะไรได้บ้าง?

– ผ้ายาง พรม ไปขัดหรือขวางทางคันเร่ง นี่คือสาเหตุตัวแม่เลยครับ ผมเองก็เคยเจอ

มาแล้วกับรถ BMW E30 วางเครื่อง SR ตอนไปลองรถกับรุ่นน้อง กดคันเร่งเต็มไป

แล้วจู่ๆพรมสไลด์เข้ามาอัดที่ฐานคันเร่ง คันเร่งดีดกลับได้แค่ครึ่งทาง ผมตกใจอยู่นาน

เพราะตอนนั้นยังวัยรุ่นมาก แต่พอรู้ว่าค้างก็เหยียบคลัตช์ เข้าเกียร์ว่าง เบรกทัน

นอกจากนี้ในรถเก่าที่เป็นคันเร่งแบบสาย บางครั้งก็มีเรื่องสายคันเร่งฝืด ขยับตัวกลับ

ได้ไม่ดีพอ อันนี้ก็เคยเจอเหมือนกันกับรถของคนรอบข้าง และไม่ใช่รถเก่าขนาดนั้น

เป็นรถปี 96-98 นี่เอง ดังนั้นจึงควรตรวจสอบการทำงานของสายคันเร่งเสมอ

เหยียบ ปล่อย เหยียบ ปล่อย (ตอนดับเครื่องนะ) แล้ววานให้อีกคนช่วยดูการคืนตัว

ของสายคันเร่งจากหน้ากระโปรงรถว่ามีอาการติดขัดมั้ย

อย่ามองแค่ว่า เข้าศูนย์รถเป็นประจำแล้วช่างจะเช็คให้ เพราะบางครั้งช่างก็ไม่ได้เช็ค

ให้คุณไปทุกเรื่อง โดยเฉพาะศูนย์ที่คิวเยอะมากๆช่างต้องรีบทำ รีบปล่อยรถออก

4. แล้วบริษัทรถไม่ทำอะไรเพื่อป้องกันเหตุนี้เลยหรือ?

– อันที่จริงบางเจ้าทำมานานแล้ว แต่ไม่ได้เอามาป่าวประกาศโฆษณากัน สำหรับ

รถใหม่ป้ายแดงบางรุ่นจะโปรแกรมกล่องควบคุมเอาไว้ว่า ถ้าหากคันเร่งกับเบรก

ถูกเหยียบพร้อมกัน (หรืออาจไม่ได้เหยียบคันเร่ง แต่ลิ้นคันเร่งค้างหรือขัดข้อง)

เมื่อไหร่ รถจะสั่งให้ปิดลิ้นคันเร่งไฟฟ้าของเครื่องยนต์โดยที่ไม่ได้ดับเครื่อง

เรียกว่าระบบ Brake Override System ซึ่งพบใน Toyota รุ่นใหม่ๆ และ Subaru

ส่วนยี่ห้ออื่นก็อาจจะมี แต่ผมยังไม่ได้ลองเองกับมือครับ ของ Subaru นี่ลองแล้ว

ถ้าหากเหยียบทั้งเบรกและคันเร่งพร้อมกัน ภายในเวลาราว 2 วินาที รถจะชะลอลง

ลิ้นคันเร่งถูกตัดการทำงาน แต่เครื่องจะยังติดอยู่ เบรกได้ปลอดภัย