ผู้เขียน หัวข้อ: 4 เคล็ดลับควรคิด เมื่อกำลังมองหารถใหม่  (อ่าน 2237 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Far

  • บุคคลทั่วไป
4 เคล็ดลับควรคิด เมื่อกำลังมองหารถใหม่

“ซื้อรถใหม่รุ่นไหนดี” อาจเป็นคำถามง่ายๆ ที่หาคำตอบได้ยากมาก ด้วยการแข่งขันในตลาดรถที่ดุเดือด จึงเป็นเรื่องยากที่จะบอกว่ารถยี่ห้อ A เป็นรถที่ดี ส่วนรถยี่ห้อ B เป็นรถที่ไม่ดี เพราะคำว่า “ดี” หรือ “ไม่ดี” อาจขึ้นอยู่กับรสนิยมส่วนตัวของแต่ละคน

วันนี้เรามีเคล็ดลับการเลือกซื้อรถใหม่มาฝากท่านผู้อ่านกัน

1. จัดอันดับสิ่งที่ต้องการจากตัวรถ

ไม่มีรถรุ่นใดในโลกที่เพียบพร้อมเลิศเลอทุกด้าน ทั้งรูปลักษณ์ ความสะดวกสบาย ความปลอดภัย ราคา สมรรถนะการขับขี่ ราคาขายต่อและบริการหลังการขาย ดังนั้นหนทางที่ดีที่สุดก็คือการจัดอันดับว่าคุณต้องการสิ่งใดมากที่สุด

ข้อควรจำง่ายๆ ที่ควรตระหนักก่อนเลือกซื้อรถก็คือ รถที่มีเทคโนโลยีอันล้ำสมัยมักจะไม่มีความทนทานเท่ากับรถที่ใช้เทคโนโลยีดั้งเดิมที่พิสูจน์การใช้งานมานานแล้ว ขณะเดียวกัน รถที่มีแบรนด์แข็งแกร่งและทำตลาดมายาวนานมักจะมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกน้อยกว่าและมีราคาแพงกว่าแบรนด์ที่เพิ่งทำตลาดซึ่งจะใส่อ็อปชั่นมาเต็มที่และมีราคาย่อมเยากว่า เพราะต้องดึงดูดลูกค้าให้ได้มากที่สุด

แบรนด์ที่อยู่ในตลาดมานานแล้วยังมีข้อได้เปรียบตรงที่เครือข่ายบริการหลังการขายอันแข็งแกร่งและชิ้นส่วนอะไหล่ที่เพียบพร้อมกว่า แต่การดำเนินงานดังกล่าวมักมีค่าใช้จ่ายสูง ดังนั้นลูกค้าจึงอาจต้องควักกระเป๋าจ่ายค่าตัวรถที่แพงกว่าเล็กน้อย

ดังนั้น จึงเป็นเรื่องของกลไกตลาดที่รถแต่ละรุ่นจะมีข้อดีและข้อเสียในตัวของมันเอง

การตัดสินใจเลือกซื้อรถควรขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้รถ มีระยะทางขับขี่มากน้อยเพียงใด ขับออกต่างจังหวัดบ่อยหรือไม่ ส่วนใหญ่มีผู้โดยสารกี่คน รถที่จะซื้อเป็นรถคันแรกหรือคันที่สองของบ้าน เมื่อทบทวนปัจจัยเหล่านี้แล้วคุณก็จะสามารถ “คัดเลือก” รถที่ต้องการได้

2. เลือกรูปแบบตัวถังที่เหมาะสม

ถ้าคุณต้องบรรทุกผู้โดยสารมากมายเพียงปีละครั้งหรือสองครั้ง ส่วนเวลาที่เหลือตลอดทั้งปีคุณใช้งานรถคนเดียว การซื้อรถเอ็มพีวีแบบ 7 ที่นั่งอาจไม่สมเหตุสมผลเท่าใดนัก แต่ควรเลือกซื้อรถที่ประหยัดน้ำมันและมีขนาดพอเหมาะแทน

รถเอ็มพีวีและรถเอสยูวีให้ทัศนวิสัยการขับขี่ที่กว้างไกลกว่ารถยนต์นั่งทั่วไป อย่างไรก็ตาม รถอเนกประสงค์ประเภทดังกล่าวจะมีขนาดตัวถังที่ใหญ่โตกว่าจึงกินน้ำมันมากกว่ารถซีดานหรือแฮทช์แบ็ก ขณะที่การเปลี่ยนยางแต่ละครั้งก็มักจะแพงกว่าด้วย

รถกระบะบางรุ่นย่อยมีค่าตัวที่ไม่สูงมากนัก เปี่ยมด้วยความทนทานและรองรับการใช้งานได้อย่างสมบุกสมบัน แต่คนที่ขับขี่ในเมืองอยู่เป็นประจำจะพบว่ารถกระบะอาจขับขี่ยากไปสักหน่อย แถมยังมีพื้นที่จัดเก็บสัมภาระบางอย่างที่จำกัดอีกด้วย แต่ถ้าต้องขับขี่ออกต่างจังหวัดบ่อยครั้งหรืออาศัยอยู่ตามหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ การเลือกซื้อรถปิกอัพถือเป็นทางเลือกที่ดีเยี่ยม

ขณะที่รถซีดานเป็นรถมาตรฐานที่ตอบสนองการใช้งานได้หลากหลาย แต่บางคนอาจไม่ชื่นชอบเพราะด้วยภาพลักษณ์แบบอนุรักษ์นิยม รถแฮทช์แบ็กอาจมีขนาดเล็กกว่าแต่มักมีดีไซน์ถูกใจคนรุ่นใหม่มากกว่า ข้อด้อยของรถแฮทช์แบ็กคือความปลอดภัยที่น้อยกว่ารถซีดานหากเกิดการชนที่ด้านท้าย

3. ระบบความปลอดภัย

ระบบความปลอดภัยภายในรถยนต์แบ่งออกเป็นสองหมวดหลัก หนึ่งคือความปลอดภัยเชิงรุกที่ช่วยให้ผู้ขับขี่หลีกเลี่ยงอุบัติเหตุได้ และสองคือความปลอดภัยเชิงรับที่ช่วยลดอาการบาดเจ็บ หากคุณคิดจะซื้อรถควรให้ความสำคัญที่ระบบความปลอดภัยเชิงรุกก่อน

รถที่มีการผสมผสานระบบความปลอดภัยทั้งสองแบบอย่างสมดุลคือรถที่ต้องมีระบบเบรก ABS ระบบกระจายแรงแบรก EBD ถุงลมนิรภัยคู่หน้า (หรือมากกว่า) ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESC ถ้ามีระบบที่ว่ามานี้ครบครันถือว่าเป็นรถที่เหมาะสมต่อการใช้งาน แต่ถ้ารถที่มีถุงลมนิรภัยแต่ไม่มี ESC ถือเป็นรถที่ไม่ควรเลือกใช้

ผลการศึกษาของสหพันธ์ยานยนต์นานาชาติหรือ FIA และสถาบันทดสอบความปลอดภัยยานยนต์หรือ NCAP ระบุตรงกันว่าระบบควบคุมเสถียรภาพ ESC เป็นระบบความปลอดภัยที่มีความสำคัญที่สุดรองจากเข็มขัดนิรภัย ESC มีความจำเป็นมากกว่าถุงลมนิรภัยเสียอีก ถ้าเป็นไปได้ควรเลือกรถที่มีระบบ ESC ติดมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

ทั้งนี้ คำว่า ESC เป็นคำเรียกที่อุตสาหกรรมยานยนต์ใช้กันทั่วไป แต่อาจแตกต่างกันไปในแต่ละแบรนด์ Toyota ใช้คำว่า VSC ขณะที่ Mitsubishi เรียกว่า ASC ส่วน Honda ใช้คำว่า VSA สำหรับแบรนด์เยอรมนีบางค่ายใช้ ESP หรือ DSC

4. การซ่อมบำรุง

การขายและบริการหลังการขายเป็นปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นค่าอะไหล่ ค่าซ่อมบำรุงและค่าแรง ชื่อเสียงด้านการบริการที่สั่งสมมาของแต่ละแบรนด์ก็ต้องนำมาประกอบการพิจารณาด้วย ซึ่งคงต้องขอคำปรึกษาจากเพื่อนหรือคนรู้จักที่ใช้งานรถแบรนด์นั้นๆ จริง รวมถึงการค้นหาข้อมูลทางโลกออนไลน์

บางค่ายรถเผยแพร่ค่าซ่อมบำรุง ค่าเช็คระยะและค่าอะไหล่ไว้ในเวบไซต์อย่างละเอียด ดังนั้นควรศึกษาโดยเปรียบเทียบค่าบริการต่างๆ ของรถแต่ละรุ่นที่คุณกำลังพิจารณาเลือกซื้อ

สิ่งสำคัญอีกข้อที่ไม่ควรละเลยก็คือการเดินเข้าไปชมรถในโชว์รูมและพูดคุยกับพนักงานเพื่อสอบถามถึงข้อสงสัยต่างๆ ที่คุณมีอย่างละเอียด

ที่มา :  autospinn