ทุกวันนี้หลายคนที่กำลังจะซื้อรถคงไม่มีใครไม่เคยได้ยินคำพูดกล่าวทั้งจากสื่อต่างๆเกี่ยวกับรถยนต์ "อีโค่คาร์" ที่แม้ปัจจุบันรถอีโค่คาร์จะกลายเป็นคำที่เราคุ้นหูกันเป็นอย่างดี แต่เคยสงสัยบ้างไหมว่า รถยนต์ที่เรากำลังพูดถึงนี้เป็นรถยนต์อะไรกันแน่ และวันนี้ ทีมงาน Sanook! Auto ก็จะมาทำให้เพื่อนๆเข้าใจกันว่า รถที่เราเข้าใจเป็นอย่างที่เข้าใจกันหรือเปล่านะ
รถยนต์ "อีโค่คาร์" เป็นรถยนต์ที่เกิดจากนโยบายของภาครัฐบาลเมื่อหลายปีที่แล้ว ที่เล็งเห้นความเป็นไปได้ของราคาน้ำมันที่จะสูงขึ้นตามลำดับในอนาคต ทำให้เกิดแผนในการสร้างรถยนต์นั่งขนาดเล็กขึ้น โดยมุ่งเน้นในเรื่องของการรักษาสิ่งแวดล้อม มากกว่าความประหยัดน้ำมัน แต่ถึงอย่างงั้นทั้งสองสิ่งก็ไปด้วยกันทำให้เกิดความเข้าใจผิดอย่างมหันต์ต่อความเข้าใจของคนทั่วไป
รถอีโค่คาร์
Eco Car เป็นชื่อเรียกอย่างย่อจากสื่อต่างๆ ที่มาจากคำว่า Ecology Car หรือรถยนต์รักษาสิ่งแวดล้อม ไม่ใช่ตามที่หลายคนเข้าใจว่าคือรถยนต์ประหยัดพลังงานหรือ Economy Car ซึ่งแม้จะดูเหมือนว่ามีความคล้ายคลึงกันแต่ก็มีความแตกต่างกัน ในแง่ของความหมาย ซึ่งแนวคิดของรถอีโค่คาร์ในบ้านเรานั้น ต้องปฏิบัติตามกฏที่สำคัญหลายข้อ จึงจะผ่านการรับรองว่า รถคันดังกล่าวเป็นอีโค่คาร์ และจะได้รับส่วนลดตามนโยบายของภาครัฐบาลด้วย
รถอีโค่คาร์
1. ความประหยัดน้ำมัน ในข้อแรกรถยนต์อีโค่คาร์ต้องมีความประหยัดน้ำมันตามกฏเกณฑ์ และด้วยข้อกำหนดนี้ก็ทำให้หลายคนเข้าใจผิดอย่างที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น ซึ่งตามหลักแล้วจะต้องมีอัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงไม่เกิน 5 ลิตรต่อระยะทาง 100 กิโลเมตร หรือ น้ำมัน 1 ลิตรวิ่งได้ระยะทาง 20 กิโลเมตร
2. การรักษาสิ่งแวดล้อม ในข้อนี้คือการกำหนดกฏเกณฑ์ในการปล่อยไอเสียเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ โดยกำหนดให้รถยนต์รุ่นที่จะถูกผลิตขึ้นมาเป็นอีโค่คาร์ ต้องมีการปล่อยมลพิษปลอดภัยระดับ Euro4 คือ มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์น้อยกว่า 120 กรัมต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร เท่านั้น
3. ความปลอดภัยชั้นนำ ความประหยัดและการปล่อยไอเสียอาจจะไม่ใช่เรื่องยากแต่ที่สำคัญไปกว่านั้น รถยนต์ที่จะผ่านตามเกณฑ์นี้ ต้องผ่านมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูง ตามมามาตรฐานความปลอดภัยของยุโรป (UNECE 94 และ 95) ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยจากการชนด้านหน้าและด้านข้าง
รถอีโค่คาร์
4. ความเหมาะสมต่อการใช้งาน ด้วยความเป็นรถยนต์ขนาดเล็กรัฐบาลจึงตั้งใจทำมันออกมาให้ตอบโจทย์ ต่อรถยนต์สำหรับใช้งานในเมือง ซึ่งมีข้อกำหนดที่สำคัญต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด โดยอนุญาตให้ใช้ได้ทั้งเครื่องยนต์เบนซินมีความจุไม่เกิน 1.3 ลิตร และที่ยังไม่เห็นก็มีเครื่องยนต์ดีเซล ที่กำหนดให้มีขนาดไม่เกิน 1.4 ลิตร ซึ่งแน่นอนว่ามันน่าจะมีในอนาคตอันใกล้นี้
ดังนั้นถ้ามองรถยนต์อีโค่คาร์แล้ว นี่ไม่ใช่รถยนต์ที่มีราคาถูกไร้คุณภาพตามที่หลายคนเข้าใจ ทั้งที่เพียงติดกับภาพลักษณ์ในเรื่องขนาดของมัน หากแต่นี่คือรถที่มีมาตรฐานต่างๆรองรับมากมาย ซึ่งถึงเวลาแล้วที่ต้องเปลี่ยนมุมมองจากความเป็นรถกระป๋องราคาถูกมาสู่ รถที่มีดีที่มาตรฐาน ซึ่งราคาที่ถูกของมันมาจากการอุดหนุนจากภาครัฐไม่ใช่ต้นทุนต่ำอย่างเข้าใจ