ขับๆ เบรกๆ อันตรายถึงชีวิต
หลายคนคงเคยเจอรถคันหน้าขับๆ เบรกๆ อาจจะด้วยนิสัยขับรถเป็นแบบนั้น หรือกำลังโทรศัพท์ไปด้วย ถือว่าเป็นพฤติกรรมที่อาจทำให้เกิดอันตรายอย่างรุนแรงได้ เพราะรถที่ตามมาไม่ทราบว่าขับมาแล้วเบรก โดยเฉพาะหากเป็นเลนขวาสุดแล้วด้วยละก็ อาจเป็นเพราะมีสิ่งกีดขวาง ควรจะหักหลบมาด้านซ้าย
ดังนั้น ก่อนเบรกโดยไม่มีเหตุกะทันหัน ควรดูสิ่งรอบตัวให้ดี ควรรู้ว่าเวลาไหนควรเตะเบรกเบาๆ เพื่อชะลอ เวลาไหนควรเหยียบเพื่อหยุดรถได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
พฤติกรรมการขับรถแบบ "ขับๆ เบรกๆ" เป็นพฤติกรรมผิดอย่างยิ่งในการขับรถอาจจะเถียงว่าไม่มีข้อห้ามในกฎหมาย แต่เป็นเรื่องควรรู้ และเป็นมารยาทในการขับขี่อีกด้วย
พฤติกรรมแบบนี้ จากผู้ขับพยายามรักษาระดับความเร็วให้คงที่ตามต้องการ เพียงแต่ไม่รู้ถึงวิธีการรักษาความเร็วที่ถูกต้องเท่านั้นเอง
"การรักษาระดับความเร็ว" เป็นเรื่องสำคัญขั้นพื้นฐานในการขับขี่ที่ทุกคนควรรู้ การรักษาระดับความเร็ว นอกจากทำให้การขับขี่ราบรื่น ไม่เหนื่อยล้า อีกเรื่องคือช่วยในเรื่องอัตราความสิ้นเปลืองน้ำมัน
การรักษาความเร็วในการเดินทางให้อยู่คงที่ ควรใช้คันเร่งเป็นตัวกำหนด เพราะเบรกมีไว้เพื่อหยุดและชะลอ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะหยุดหรือชะลอรถได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดไป เพราะไฟเบรกด้านท้ายรถจะติดตามไปด้วย อาจจะทำให้เสี่ยงต่อการถูกชนท้าย หรือทำให้รถข้างหลังเกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะในภาวะฉุกเฉิน เช่น ในขณะขึ้นเขาหรือลงเขา เป็นต้น
การควบคุมคันเร่ง ต้องรู้จักควบคุมให้พอเหมาะในการเดินทาง ต้องรู้จักเร่งและผ่อนอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะการเดินทางไกลหากใช้คันเร่งน้อยเท่าไร ความเร็วคงที่จะช่วยขับประหยัดมากขึ้น
พฤติกรรมการขับขี่ด้วยวิธีเร่งๆ พอถึงความเร็วก็เบรกแล้วจึงเร่งอีกนั้น ทำให้เกิดการสึกหรอของชิ้นส่วนต่างๆ เร็วกว่ากำหนด เช่น เบรก เครื่องยนต์ และระบบส่งกำลัง สำหรับรถเกียร์อัตโนมัติ ทำให้เกิดความร้อนสะสมโดยไม่จำเป็น
ควรนึกถึงเพื่อนร่วมทาง พฤติกรรมเช่นนี้ถือว่าเป็นอันตราย สร้างความเข้าใจผิดแก่ผู้ขับขี่อื่น เพราะทันทีที่คุณเหยียบเบรก ไฟเบรกด้านท้ายจะติดขึ้นเพื่อบอกเป็นสัญญาณหยุด ทั้งที่จริงความต้องการของคุณเพียงแค่รักษาระดับความเร็ว
ลองนึกดูว่า ถ้าเป็นคุณตามหลังรถที่ขับแล้วไฟเบรกเดี๋ยวติด เดี๋ยวดับตลอดทาง คุณจะรู้สึกอย่างไร อาจถึงรถคันหลังตกใจ หักหลบออกไปชนกับรถที่สวนทางมา แล้วรถคันนั้นเกิดเป็นรถคุณ จะว่ายังไง
