ทำอย่างไร เมื่อรถยางแตก....
พูดถึงการขับรถ ...แล้ว อุบัติเหตุมักเป็นสิ่งที่เราไม่อยากให้เกิด บางครั้งมาจากเหตุสุดวิสัย บ้างมาจากความประหมาดเลินเล่อ แต่หลายครั้งก็มาจากการขาดทักษะการขับขี่ โดยเฉพาในโรงเรียนสอนขับรถไม่มีใครบอกหรือสอนคุณในเรื่องของวินาทีฉุกเฉิน
“ยางแตก” เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับใครก็ได้บนถนน โดยที่คุณอาจจะไม่รู้มาก่อน สาเหตุของยางระเบิดหรือยางแตกมีด้วยกันหลายปัจจัยสำคัญ แต่โดยมากจะเริ่มด้วยลมยางของรถในล้อนั้นๆ เกิดแรงดันที่อ่อน เมื่อยางอ่อนจะมีรูปร่างที่เพี้ยนไปการไม่กลมอย่างที่มันควรจะเป็น และเมื่อผสานการความร้อนจากแรงเสียดทาน หรือหลุมที่คอยดักอยู่บนถนนเมื่อทุกอย่างผสมกันก็อันตรายได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยทีเดียว แต่หลายครั้งก็มาจากการบรรทุกน้ำหนักเกิน โดยเฉพาะในรถกระบะทังหลาย
เมื่อยางแตกควรทำอย่างไร มีคนจำนวนน้อยมากที่รู้เรื่องนี้ แม้ต้องยอมรับว่าการพบกับสถานการณ์เช่นนี้ และมักเป็นต้นเหตุของอุบติเหตุร้ายแรง แต่วันนี้ ถ้าคุณเจออย่างน้อยก็น่าจะรู้ว่าต้องทำอะไรกับรถของคุณ
1. ตั้งสติ เมื่อเสียงระเบิดของยางดังขึ้นก่อนอื่น เรียกสติที่กระจายไปกับเสียระเบิดกลับมาก่อน
2.จับพวงมาลัยทั้งสองมือให้มั่น อย่าหักพวงมาลัยกะทันหัน เพราะความตกใจ เมื่อยางระเบิดโดยมาก รถอาจจะมีอาการส่าย ส่วนจะมากจะน้อย ขึ้นอยู่กับแรงระเบิดและความเร็วที่ใช้ ... อย่าตกใจ ประคองรถให้ได้
3.เมื่อคุมทิศทางได้ ให้ผ่อนคันเร่งแล้วเลียเบรก (เหยียบเบรกไม่ลึก) ประคองรถ ค่อยๆ หักซ้ายเข้าไหล่ทาง ห้าม!!! จอดรถ ทางขวาโดยเด็ดขาด เพราะ รถเลนขวาเป็นรถที่ใช้ความเร็วเร็วอันตรายมาก!! ส่วน ในกรณีที่อยู่เลนกลาง หรือ เลนขวา อย่าลืมเปิดไฟฉุกเฉิน แล้ว มองดูเพื่อนร่วมทางด้วย ไม่ใช่จะทะเล่อเข้าข้างทางอย่างเดียว
4. ห้ามใช้เบรกมือ ...และคลัทช์ในทันที หลังยางระเบิด แม้จะ คุมรถได้แล้วก็ตามเพราะจะทำให้รถมีโอกาสหมุนขวางได้ โดยเบรกให้เลียไปเรื่อย จนรถเข้าสู่ช่วงความเร็วต่ำ หรือจนหยุด ในกรณีที่รถเป็นเกียร์ธรรมดา ซึ่งจำเป็นต้องใช้คลัทช์ จะใช้คลัทช์ได้เมื่อใกล้จอดเท่านั้น
แม้ว่า 4 ขั้นตอนที่ว่านี้ และข้อห้ามจะฟังดูง่าย และอาจจะมีคนพูดในเรื่องการจัดการมากกว่านี้ แต่ทั้งหมด 1- 2 -3-4 ขั้นตอนนี้ คุณจะต้องทำในเวลาไม่ถึง 20 วินาที หลังจากที่ยางรถคุณได้พลีชีพไปแล้ว
อย่างไรก็ดีมีบางกรณีของยางระเบิดที่ไม่สามารถให้รถอยู่ในการควบคุมได้ โดยเฉพาะในช่วงความเร็วสูง ยางระเบิดอาจจะเป็นต้นเหตุที่สำคัญ ระหว่างรอด หรือ อุบัติเหตุ แต่ทั้งหมด นั้นก็ยังอยู่ที่การรู้เท่าทัน สถานการณ์ และ สติของคุณเอง ว่าจะทำอย่างไรต่อสถานการณ์นั้นๆ