ผ่อนรถไม่ไหว ปล่อยให้ถูกยึดคุ้มไหม?
เชื่อว่าหลายคนในปัจจุบันกำลังประสบปัญหาทางการเงิน จนทำให้ไม่สามารถนำเงินมาชำระค่างวดรถยนต์ได้ตามนัดหมาย ซึ่งโดยปกติแล้ว หากผิดนัดชำระติดต่อกันมากกว่า 4 งวด ทางไฟแนนซ์มีสิทธิ์ยึดรถของเราได้
จุดนี้เองทำให้หลายคนที่กำลังหน้ามืด หาเงินมาจ่ายไม่ไหว อาจเลือกวิธีปล่อยให้ไฟแนนซ์ยึดรถไป แล้วถือว่าจบกัน เพราะคิดว่ายอมเสียรถไปเสียดีกว่าจะนั่งผ่อนต่อ แถมไม่ต้องจ่ายค่างวดที่ค้างไว้อีกด้วย
แต่รู้หรือไม่ว่า หากปล่อยให้ไฟแนนซ์ยึดรถไปแล้วนั้น หายนะอีกลูกอาจกำลังรอถาโถมเข้ากระหน่ำแบบคาดไม่ถึงเลยทีเดียว
แน่นอนว่ามนุษย์กินเงินเดือนส่วนใหญ่ หรือเจ้าของธุรกิจที่ดำเนินไปไม่สวยอย่างคาด อาจต้องพบกับปัญหาด้านการเงินให้กวนใจกันอยู่บ้าง ซึ่งถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแทบทั่วทุกหนแห่งในสังคม
แต่หากปล่อยปัญหาให้ลุกลามมาจนถึงการค้างค่างวดรถยนต์แล้วนั้น ตามกฎหมายอนุโลมให้ผู้เช่าซื้อสามารถค้างค่างวดได้เป็นจำนวน 3 งวด หากเกินกว่านั้น บริษัทไฟแนนซ์มีสิทธิ์เข้ายึดรถได้ในทันที
ไหนจะหนี้ค่างวดรถก้อนโตกับภาระอย่างอื่นที่จะต้องดูแลไม่แพ้กัน หลายคนจึงยอมตัดใจปล่อยให้ไฟแนนซ์ยึดไปเสียแต่โดยดี เพราะคิดว่าจะเป็นการตัดหนี้สินรถยนต์ให้พ้นตัว
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของฝันร้ายที่คาดไม่ถึง...
เมื่อไฟแนนซ์ได้นำรถของคุณกลับไปแล้ว ก็จะนำมาประกาศขายทอดตลาด ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วมักได้ราคาต่ำกว่าท้องตลาดมากจนน่าใจหาย
จากนั้นทางไฟแนนซ์จะนำเงินส่วนที่ขายได้ มาหักลบกลบหนี้ที่ลูกหนี้ยังคงค้างไว้ (ส่วนใหญ่มักไม่พอทบหนี้ที่เหลือเสียด้วยสิ) แถมยังเรียกค่าจิปาถะอีกมากมาย เช่น ค่าขาดประโยชน์, ค่าติดตามทวงถาม, ค่าครอบครองรถขณะรอขายทอดตลาด เป็นต้น
เมื่อได้ตัวเลขเหล่านี้มา ทางไฟแนนซ์ก็จะยื่นฟ้องร้องค่าเสียหายกับลูกหนี้อีกครั้ง ซึ่งหลายไฟแนนซ์มักเรียกสูงกว่าความเป็นจริง
และนั่นยิ่งจะเป็นการเพิ่มภาระให้ลูกหนี้หนักเข้าไปอีก ไหนรถก็ถูกยึดไปแล้ว แถมยังต้องมาจ่ายเงินก้อนที่ถูกฟ้องร้องเป็นคดีความอีก
ประกอบกับติดแบล็คลิสในเครดิตบูโร เนื่องจากขาดส่งติดต่อกันหลายงวด ส่งผลให้ทำธุรกรรมทางการเงินได้ยากลำบาก หากไม่พึ่งเงินนอกระบบดอกเบี้ยแสนแพง ก็คงต้องหันหน้าเข้าหาญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง จนพาลจะพาให้เลิกคบกันอีก
เห็นไหมครับว่า การปล่อยให้รถถูกยึดนั้น ไม่ใช่ความคิดที่ดีเลย
ทางที่ดี หากเราตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ก็ควรรีบหาเงินมาชำระอย่างน้อย 1 งวด เพื่อไม่ให้รถโดนยึด จากนั้น จะหาช่องทางสร้างรายได้อื่นๆจากไหนอีกก็ว่ากันไป
แต่หากรถยังมีสภาพดีเป็นที่สนใจของตลาด อาจใช้วิธีเปลี่ยนสัญญา โดยการหาผู้ซื้อมาผ่อนต่อ ถ้าโชคดีอาจได้เงินติดกระเป๋ากลับมาบ้าง ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่ผ่อนไปแล้วด้วยนั่นเอง
แต่ทางที่ดี การมีวินัยทางการเงิน ถือเป็นสิ่งพื้นฐานที่ทุกคนควรพึงปฏิบัติ จะได้ไม่ต้องมาลำบากใจเอาภายหลังครับ