ผู้เขียน หัวข้อ: 5 วิธีรับมือ รถเสียฉุกเฉิน ในช่วงเทศกาลสงกรานต์  (อ่าน 2387 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Far

  • บุคคลทั่วไป
5 วิธีรับมือ รถเสียฉุกเฉิน ในช่วงเทศกาลสงกรานต์

หลายคนคงกำลังวางแผนการเดินทางในช่วงวันหยุดยาวช่วงสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึง จากสถิติอุบัติเหตุของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในช่วงสงกรานต์ตลอดระยะ 3 ปีที่ผ่านมา (2554-2556) พบอุบัติเหตุเกิดขึ้น 437ครั้ง/วัน ซึ่งนับเป็นจำนวนที่สูงอย่างยิ่ง ด้วยเหตุนี้เอง ฟอร์ดประเทศไทยจึงมีข้อแนะนำในการจัดการสถานการณ์ เพื่อลดความรุนแรงของอุบัติเหตุลงได้ แต่อย่างไรก็ตามการขับขี่อย่างระมัดระวัง ฟอร์ดจึงได้รวบรวม 5 วิธีรับมือรถเสียในช่วงเทศกาลสงกรานต์ มาฝากกัน เพื่อความพร้อมก่อนออกเดินทางและ ช่วยให้คุณเดินทางได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น
รับมือกับรถเสียในช่วงสงกรานต์

รับมือกับรถเสียในช่วงสงกรานต์
5 วิธีรับมือ รถเสียในช่วงเทศกาลสงกรานต์

1. ยางระเบิด อย่าตกใจแล้วเหยียบเบรกหรือหักพวงมาลัยอย่างกะทันหันเด็ดขาด เพราะจะทำให้รถยิ่งเสียการควบคุม รถอาจหมุนหรือพลิกคว่ำได้ แต่ให้รีบเปิดไฟฉุกเฉินแล้วลดความเร็วค่อยๆบังคับพวงมาลัยเพื่อประคองรถเข้าข้างทาง ซึ่งการลดความเร็วนั้นสามารถทำได้โดยถอนคันเร่งออก และค่อยๆแตะเบรกถี่ๆเบาๆ จากนั้นเมื่อความเร็วรถลดลงถึงระดับที่ผู้ขับขี่สามารถควบคุมได้แล้วนั้นให้เปลี่ยนเป็นเกียร์ต่ำลงและหยุดรถเข้าข้างทาง

2. เบรกแตก สิ่งแรกที่ต้องทำ คือลดความเร็วรถทันที โดยสำหรับเกียร์ธรรมดาให้เหยียบคลัทช์เพื่อลดตำแหน่งเกียร์และสำหรับเกียร์อัตโนมัติให้เปลี่ยนตำแหน่งเกียร์จากD มาเป็น3ไว้ แต่ห้ามเปลี่ยนเกียร์เป็นL เพราะอาจทำให้เครื่องยนต์พังได้ นอกจากนั้นเบรคมือก็เป็นอีกตัวช่วยสำคัญของคุณในการชะลอความเร็วที่ล้อหลังของรถ แต่ต้องค่อยๆดึงเบรคมือขึ้นจนสุด อย่าดึงอย่างกะทันหัน

3. หม้อน้ำรั่ว ในเบื้องต้นเราสามารถสังเกตอาการผิดปกตินี้ได้จากหน้าปัดเข็มวัดอุณหภูมิที่เข็มจะตีขึ้นไปสูงกว่าปรกติเมื่อเครื่องยนต์ร้อนจัด ซึ่งหลังจากนำรถเข้าจอดข้างทางแล้วให้เปิดกระโปรงหน้า เพื่อระบายความร้อน จากนั้นรอสักพักจนเครื่องยนต์เย็นลงแล้วจึงค่อยสวมถุงมือหรือใช้ผ้าในการเปิดฝาหม้อน้ำ แล้วค่อยๆเติมน้ำทีละน้อยๆอย่างช้าๆ เพื่อให้รถวิ่งต่อได้ก่อนที่จะนำรถเข้าซ่อมกับศูนย์บริการอีกที แต่สิ่งสำคัญคือห้ามเปิดหม้อน้ำในขณะที่เครื่องยนต์ยังร้อนจัดอยู่ เพราะแรงดันของน้ำในหม้อน้ำที่น้ำยังร้อนอยู่นั้นอาจพุ่งขึ้นมาโดนหน้า หรือเป็นอันตรายต่อการถูกน้ำร้อนลวกได้

5 วิธีรับมือ รถเสียฉุกเฉิน ในช่วงเทศกาลสงกรานต์

4. แอร์ไม่เย็น ถ้ารู้สึกว่าแอร์ไม่เย็น ให้ลองปรับอุณหภูมิแอร์และพัดลมให้เย็นที่สุด ทิ้งไว้ประมาณ5นาที แล้วลองเอามืออังที่แผงคอนเดนเซอร์หน้ารถดู หากมีลมร้อนออกมาแสดงว่า แผงคอนเดนเซอร์อาจสกปรกต้องทำความสะอาด หรือไม่อย่างงั้นให้ลองเช็คตาแมวของน้ำยาแอร์ดูว่าอยู่ในระดับปกติหรือไม่ อาจถึงเวลาที่คุณต้องเติมน้ำยาแอร์ใหม่แล้วก็เป็นได้ แต่หากพบว่ามีเสียงดังระหว่างไฟแอร์เริ่มทำงาน แปลว่าคอมเพรสเซอร์กำลังจะเสียและถึงเวลาที่คุณต้องนำรถเข้าศูนย์บริการซ่อมแล้ว

5. แบตเตอรี่หมด ปัญหานี้คุณสามารถขอความช่วยเหลือจากรถคันอื่นที่สัญจรผ่านไปมาได้ โดยดับเครื่องยนต์ของรถทั้งสองคัน และปิดระบบไฟของรถให้หมด รวมถึงอุปกรณ์ทุกอย่างที่ต่อเข้ากับช่องจ่ายไฟ เช่น มือถือ ไอพอด และไอแพด เป็นต้น จำไว้ว่าถ้าแบตเตอรี่อยู่ในสภาพที่แตกหรือไม่สมบูรณ์ ห้ามพ่วงสายเด็ดขาดมิฉะนั้นแบตเตอรี่อาจระเบิดใส่คุณได้ จากนั้นจึงทำการพ่วงแบตเตอรี่ของคันที่หมดเข้ากับคันที่มีสภาพดีได้ ซึ่งรถส่วนใหญ่เครื่องจะติดได้ต่อเมื่อแบตเตอรี่มีพลังงานที่ 12 ถึง 13.6 โวลต์

อาการรถเสียข้างต้นเหล่านี้อาจเกิดกับคุณขณะขับขี่ได้โดยที่คุณไม่ทันตั้งตัว ผู้ขับขี่จึงจำเป็นต้องมีสติอยู่ตลอดเวลาเมื่อคุณสามารถแก้ไขปัญหาในเบื้องต้นได้แล้ว ติดต่อตำรวจทางหลวงที่เบอร์ 1193 สำหรับผู้ใช้รถยนต์ฟอร์ดสามารถติดต่อกับ ฟอร์ดโรดไซด์แอสซิสแตนซ์โทรฟรี 1800-222-000 (โทรศัพท์พื้นฐาน) หรือ 1401-222-000 (มือถือนาทีละ3บาททั่วประเทศ) ที่สามารถแก้ไขและให้ความช่วยเหลือในทุกสถานการณ์ฉุกเฉิน

นอกจากนี้ช่วงสงกรานต์ยังเป็นช่วงที่ตำรวจจะเข้มงวดในการตรวจจับเป็นพิเศษ กฏจราจรที่ควรระวังเช่น
1. การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนรถขณะที่รถวิ่งอยู่บนท้องถนนทั้งคนขับหรือคนนั่งรวมถึงรถที่จอดบนถนนและทางเท้าด้วยจะมีความผิดตามพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 2551 จำคุกไม่เกิน 6 เดือนปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

2. รถบรรทุกปิคอัพตอนเดียวและกระบะแค๊ป (น้ำหนักรถไม่เกิน 1,600 กก.)ซึ่งจดทะเบียนเป็นรถยนต์ประเภทกระบะบรรทุกส่วนบุคคลสามารถบรรทุกน้ำและคนที่ท้ายกระบะได้แต่ต้องมีน้ำหนักบรรทุกรวมตัวรถไม่เกิน 8,500 กก.ฝ่าฝืนปรับไม่เกิน 500 บาท

3. หากเป็นรถกระบะสองตอนจดทะเบียนเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คนจะต้องบรรทุกแล้วไม่เกิน 7 คนและต้องมีน้ำหนักบรรทุกรวมตัวรถไม่เกิน 8,500 กก. หากบรรทุกผู้โดยสารที่ท้ายกระบะจะต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก (มาตรา 20 , 148 )

ถึงแม้ว่าช่วงสงกรานต์เป็นหนึ่งในช่วงที่มีอัตราเกิดอุบัติเหตุสูง แต่ก็เป็นช่วงที่ชาวไทยได้กลับบ้านเพื่อใช้เวลากับครอบครัว ดังนั้นหากคุณศึกษาเพื่อรับมือกับเหตุฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นได้ รวมถึงศึกษากฏจราจรก่อนออกเดินทาง สงกรานต์ของคุณนี้ก็จะเป็นวันหยุดพักผ่อนที่น่าประทับใจมากที่สุดช่วงหนึ่ง