ผู้เขียน หัวข้อ: Apple CarPlay จุดเริ่มต้น Infotainment มาตรฐานใหม่ในรถยนต์  (อ่าน 1933 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Mor

  • Type3
  • ***
  • กระทู้: 384
  • คะแนนพิษสวาท +1/-1
 ย้อนกลับไปหลายปีก่อน ผู้มีรถยนต์ขับบนท้องถนนก็หวังเพียงแค่มีเครื่องปรับอากาศเย็นๆ และวิทยุเล่นแผ่นซีดีได้ก็ถือว่าหรูหราแล้ว แต่เทคโนโลยีไม่เคยหยุดนิ่ง ยิ่งยุคสมัยเปลี่ยนผ่านไปเทคโนโลยีกับความต้องการของมนุษย์ก็เพิ่มมากขึ้นอย่างไม่สิ้นสุด โดยเฉพาะเรื่องของ In-Car Infotainment (information and entertainment - ข้อมูลข่าวสารและความบันเทิง) ที่กำลังเกิดขึ้นในปีนี้กับตลาดรถยนต์เกือบทุกรุ่น ก็มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างน่าสนใจควบคู่ไปกับเทคโนโลยีเครื่องยนต์ที่อยู่ในยุคเปลี่ยนผ่านเช่นกัน
       
       ยิ่งเมื่อรวมกับนวัตกรรมจากแอปเปิลกับการเปิดตัว CarPlay เพื่อหวังจะยกระดับระบบปฏิบัติการ iOS บนอุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์ให้สามารถรวมเข้ากับระบบ In-Car Infotainment ของรถยนต์แต่ละแบรนด์ด้วยการเชื่อมต่อที่ง่ายและเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งหมดผ่านสาย Lightning หรือผ่านระบบไร้สายก็สร้างเสียงตอบรับที่ดีภายในงานมหกรรมรถยนต์ Geneva International Motor Show ที่สวิสเซอร์แลนด์และทำให้สื่อหลายสำนักจากทั่วทุกมุมโลกรวมถึงทีมงานไซเบอร์บิซเองได้มองเห็นถึงการมาของยุค Infotainment ในรถยนต์ที่กำลังเกิดขึ้นในปีนี้เป็นต้นไป
       
       จุดเริ่มต้นและปัญหา
       
       เริ่มจากการมาของสมาร์ทโฟนที่เปลี่ยนแปลงโลกและการใช้ชีวิตของผู้คนทั่วโลกให้เข้าสู่ยุคที่ข้อมูลข่าวสารไหลเป็นสายน้ำอยู่รอบตัวเรา ผู้คนสามารถหยิบจับข้อมูลที่ตัวเองสนใจได้เพียงแค่หยิบยกสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตขึ้นมาใช้งานเท่านั้น
       
       ไม่ว่าจะเป็นสภาพการจราจร ฟังเพลง อัปเดตวงดนตรีหรือภาพยนตร์ที่ชื่นชอบไปถึงการเลือกฟังสถานีวิทยุที่สนใจ สิ่งเหล่านี้สามารถเข้าถึงได้ง่าย ไม่ต้องรอเวลาออนแอร์เหมือนสมัยก่อน แค่กดเลือกจากสมาร์ทดีไวซ์ก็สามารถเข้าถึงได้ทั้งหมด
       
       การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทำให้เทคโนโลยีและนวัตกรรมทุกแขนงต้องมีการปรับตัวตามเพื่อให้สอดคล้องกับชีวิตประจำวันของผู้คนที่เปลี่ยนแปลงไป แน่นอนว่าตลาดรถยนต์ที่แทบจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการใช้ชีวิตของผู้คนทั่วโลกก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนตามด้วยเพื่อให้ตอบรับกับการใช้ชีวิตผู้คนที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
       
       จากเมื่อก่อนคนขับรถยนต์ต้องการแค่ความบันเทิงระหว่างเดินทางจากแผ่นซีดีหรือไฟล์ MP3 จากยูเอสบีแฟลชไดร์ฟ แต่ปัจจุบันผู้คนเหล่านั้นต้องการสตรีมมิ่งคอนเทนต์ที่หลากหลายแบบเดียวกับที่สามารถหาได้จากสมาร์ทโฟน เช่น แผนที่นำทางแบบออนไลน์ สตรีมมิ่งคอนเทนต์จำพวกสถานีวิทยุที่สามารถเลือกแนวเพลงที่ฟังได้ตามต้องการผ่านสัญญาณอินเตอร์เน็ต
       
       ความต้องการเหล่านี้ทำให้เกิด In-Car Infotainment ขึ้นด้วยการพัฒนาของค่ายรถยนต์แต่ละค่ายเอง ด้วยแนวคิดคือ Infotainment ต้องสามารถแสดงแผนที่นำทางบนหน้าจอสัมผัสซึ่งติดตั้งอยู่บริเวณ Dashboard (คอนโซลหน้าแทนวิทยุแบบเดิม) รองรับการเล่นมัลติมีเดียไฟล์เช่น MP3 MP4 และสามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตคอนเทนต์บางรูปแบบได้
       
       ซึ่งก็มีค่ายรถยนต์หลายค่ายให้ความสนใจและพัฒนามาตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่ปัญหาอยู่ที่มาตรฐานในการพัฒนาแพลตฟอร์มระบบปฏิบัติการ In-Car Infotainment แต่ละค่ายที่ต่างคนต่างผลิตจนไม่มีมาตรฐานเดียวกันทำให้การเกิดขึ้นของแอปพลิเคชันอำนวยความสะดวกต่างๆ ทำได้ยากลำบากมากแถมค่ายรถยนต์ในแต่ละประเทศยังมีปัญหาในเรื่องแพลตฟอร์มที่พัฒนาไม่สอดคล้องกับการใช้งานในแต่ประเทศจนเป็นเหตุให้ต้องมีการตัดฟีเจอร์บางฟีเจอร์ออกจนถึงขนาดเปลี่ยนระบบ Infotainment ในรถบางรุ่นใหม่สำหรับบางประเทศไปเลยเช่น ฟอร์ดเปลี่ยนจากระบบ MyTouch ไปเป็นระบบ Sync ธรรมดาสำหรับ Ford Focus 2012 รุ่นที่วางจำหน่ายในไทยเพราะระบบแผนที่และแอปพลิเคชันที่ใส่เข้ามาไม่รองรับกับประเทศไทย
       
       

       
BMW Connected Drive เป็นอีกหนึ่ง Infotainment ของค่าย BMW ที่มีคนชื่นชมมากแต่ก็มีปัญหาในหลายประเทศเช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องแผนที่นำทางและแอปพลิเคชันที่ทำงานไม่สมบูรณ์ในหลายประเทศ

       
       โดยปัญหาเหล่านี้ทำให้ผู้บริโภคเกิดปัญหาเรื่องความไม่เท่าเทียมกันในขณะที่ค่ายรถยนต์บางค่ายเลือกแก้ปัญหาด้วยการพัฒนา Infotainment ใหม่สำหรับบางประเทศไปเลย แต่ปัญหาก็ยังมีตามมาอีกคือ คอนเทนต์หลักบางตัวขาดหลายไปหรือไม่สามารถใช้งานได้สมบูรณ์
       
       สมาร์ทโฟนถูกเลือกเป็นตัวช่วย
       
       ในเมื่อ Infotainment ในรถยนต์รุ่นปัจจุบันถึงแม้จะช่วยอำนวยความสะดวกแต่กลับไม่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้ทั้งหมด สิ่งที่ถูกเลือกมาเป็นตัวช่วยในยุคนี้ก็คือ "สมาร์ทโฟน" ที่มีแอปพลิเคชันให้เลือกใช้เป็นจำนวนมากและสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้แทบจะครบทุกรูปแบบ เช่น อยากดูแผนที่ก็มี Google Maps Apple Maps หรือ Sygic อยากฟังเพลงก็มีทั้ง Deezer Spotify หรือจะฟังวิทยุออนไลน์ก็มีทั้ง Tune in หรือแอปฯ ต่างๆ มากมายแถมยังไม่เลือกประเทศที่ใช้แบบ Infotainment และมีอินเตอร์เน็ต โทรศัพท์ได้ รวมถึงรองรับภาษาทั่วโลกที่หลากหลายกว่า
       
       จาก Infotainment แบบเก่าสู่สมาร์ทโฟนและ Apple CarPlay
       
       และในที่สุดในเมื่อกระแสคนใช้สมาร์ทโฟนร่วมกับรถยนต์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการนำทางหรือใช้งานมัลติมีเดียและใช้ Infotainment แท้ๆ ในรถยนต์น้อยลงจนเหลือเพียงแค่เป็นทางผ่านสัญญาณเสียงให้กับสมาร์ทโฟนไปสู่ระบบเครื่องเสียงในรถยนต์เท่านั้น แอปเปิลก็คิดพัฒนาอยากนำแพลตฟอร์ม Apple CarPlay (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากข่าว Apple เปิดตัว CarPlay เพื่อการใช้ iPhone บนรถอย่างปลอดภัย) มาปรับรวมกับ Infotainment ในรถยนต์ทับไปเลยด้วยเหตุผลหลักคือ
       
       "..เพื่อสร้างมาตรฐานให้กับระบบปฏิบัติการบนรถยนต์แบบเดียวกับตลาดสมาร์ทโฟนเพื่อให้ผู้พัฒนาแอปพลิเคชันสามารถทำงานได้ง่ายขึ้นและสามารถตอบสนองผู้ใช้รถยนต์ทั่วโลกได้โดยไม่มีกำแพงเรื่องคอนเทนต์มาขวางกั้นเพราะแอปเปิลทำตลาดทั่วโลกอยู่แล้ว.. ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์แผนที่อย่าง Apple Maps หรือแม้แต่แอปฯ เด่นๆ ของแต่ละภูมิภาค แอปเปิลมีฐานผู้พัฒนาและผู้ใช้ตรงส่วนนี้อยู่มาก.."
       
       

       
การใช้งาน Apple CarPlay โดย Ausfahrt.tv

       
       ซึ่งด้วยแนวคิดที่แอปเปิลกล่าวไว้ เมื่อวิเคราะห์แล้วถือเป็นเรื่องจริงที่ดีและน่าสนใจอย่างมาก เนื่องจากจะเป็นการแก้ปัญหาใหญ่เรื่องมาตรฐานของคอนเทนต์ที่เกิดกับ Infotainment มาช้านานได้อย่างลงตัวที่สุด
       
       ผู้อ่านลองคิดภาพตามว่า ต่อไปถ้ารถยนต์หันมาใช้ Apple CarPlay หรือระบบอื่นๆ ที่อาจพัฒนาโดย Google Android หรือ Microsoft Windows Phone ในอนาคตซึ่งมีฐานลูกค้าทั่วโลกอยู่มาก การพัฒนาแอปพลิเคชันที่ออกมารองรับกับผู้ใช้ในแต่ละประเทศที่มีเรื่องภาษาและข้อมูลของแต่ละประเทศเป็นสำคัญจะทำได้ดีขึ้นเพราะผู้พัฒนาในแต่ละประเทศจะสามารถพัฒนาแอปฯ เหล่านั้นได้ตามความต้องการของผู้ใช้บนพื้นฐานของระบบปฏิบัติการที่นักพัฒนาคุ้นเคยดี เพราะใช้เหมือนกันทั้งโลก
       
       ต่างจากการพัฒนาลงไปใน Infotainment ของค่ายรถยนต์แต่ละค่ายที่แยกพัฒนาเอง ที่กว่าจะพัฒนาคอนเทนต์ให้สอดคล้องกับความต้องการในแต่ละประเทศที่วางจำหน่ายจะทำได้ยากมากเพราะต้องศึกษารากฐานของระบบปฏิบัติการที่ Infotainment เลือกใช้ก่อนถึงจะเริ่มพัฒนาแอปฯ เหล่านั้นได้
       
       ซึ่งถ้าโมเดล Apple CarPlay ประสบความสำเร็จจนกลายเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ของระบบ Infotainment ในรถยนต์ได้แล้ว ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ก็ไม่ต้องมาเสียเวลาพัฒนาแพลตฟอร์ม Infotainment ของตนให้ยุ่งยากอีกต่อไป แถมในอนาคตถ้าค่ายรถยนต์หันมาใช้มาตรฐานของระบบปฏิบัติการเดียวกันทั้งหมดจนเกิดการแข่งขันเหมือนตลาดสมาร์ทโฟน (Apple, Google Android, BlackBerry, Microsoft Windows Phone) ผลประโยชน์จะตกมาอยู่ที่ผู้บริโภคที่สามารถเลือกใช้ระบบปฏิบัติการบนรถยนต์ที่ตัวเองชื่นชอบได้ โดยไม่ต้องมานั่งบ่นเรื่องความไม่เท่าเทียมกันที่เกิดขึ้นกับระบบ Infotainment เหมือนในอดีตอีกต่อไป
       
       ในเมื่อทุกวันนี้ระบบ Infotainment ก็เหมือนเป็นส่วนเติมเต็มการใช้โทรศัพท์บนรถยนต์อยู่แล้ว สุดท้ายถ้ารวมระบบเหล่านั้นให้เป็นหนึ่งเดียวกันไปเลยจะเสียหายอะไร ลองคิดดู...