ผู้เขียน หัวข้อ: 4 คำถามน่าคิดเมื่อต้องซ่อมรถคันเก่า  (อ่าน 2025 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 4 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Far

  • บุคคลทั่วไป
4 คำถามน่าคิดเมื่อต้องซ่อมรถคันเก่า

ในยุคที่ข้าวยากหมากแพงเช่นนี้ เรารู้ดีว่าหลายคนมีภาระมากมาย แม้ปัจจุบันรถยนต์จะกลายเป็นปัจจัยที่ 5 ในการเดินทางของคนไทย แต่วันนี้ถ้าคุณมีรถแล้วมันเกิดไม่สบาย การซ่อมมันกลับมาใช้ มั่นใจแค่ไหนว่ามันจะคุ้มค่า

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่หลายคนไม่คิด ซึ่งส่วนหนึ่งมันมาจากลูกเกรงใจของคนไทย ที่มักจะเออออห่อหมก โดยไม่คิดก่อนที่จะทำอะไร ทำให้บางครั้งกลายเป็นปัญหา แทนที่จะได้รถเก่าแสนดีมาใช้งานแบบเสียเงินครั้งเดียวแล้วลาจากช่างที่อู่กลับกลายต้องเวียนว่ายไปทุกวัน วันนี้ถ้าคุณกำลัง มีปัญหาใหญ่กับรถคันเก่าสุดเก๋า ลองคิดตาม 4 ข้อ ต่อไปนี้ ว่าซ่อมแล้วมันจะคุ้มค่าหรือไม่

1.ปัญหานี้แก้ได้หายขาดหรือไม่ ปัญหามากมายสามารถเกิดขึ้นได้กับรถเก่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกกลไกต่างๆที่ทุกอย่างมีอายุการใช้งานของมันเอง จนบางครั้งคุณต้องตกระกำลำบาก(นั่งทานข้าวลิงข้างทาง)อาจจะมาจากอายุการใช้งาน

ปัญหาของรถนั้นมีหลายสาเหตุ ที่คุณสามารถเข้าใจได้แต่ที่สำคัญ คุณต้องรู้ว่ามันจะซ่อมให้หายขาดได้หรือไม่ด้วย โดยเฉพาะเมื่อเสียเงินแล้ว ต้องเสียให้คุ้มกับการใช้งานในอนาคตข้างหน้า อย่างเช่นเครื่องพัง การยกเครื่องใหม่อาจเป็นทางออกที่ดีกว่า หรือเป็นไปได้ลองศึกษาดูว่ามีอะไหล่รถรุ่นไหนสามารถทดแทนกันได้หรือไม่ แล้วลองคิดตามว่าถ้าทำมันจะหายจากอาการที่เป็นหรือเปล่า ซึ่งส่วนหนึ่งต้องปรึกษาผู้รู้ที่ไม่ใช่ช่างที่คุณนำรถไปซ่อม

2. ราคาค่าใช้จ่าย ทุกครั้งที่รถเสียมันหมายถึงเงิน และในยุคนี้มันก็หายากเสียด้วย ซึ่งคุณจำเป็นต้องศึกษาดูถึงค่าใช้จ่ายในการซ่อม ว่าราคานี้เป็นราคาที่รับได้หรือไม่ อะไรที่จะถูกเปลี่ยนใหม่ อะไรที่จะยังใช้ของเก่า ของแบบนี้ต้องศึกษาให้ดี ที่สำคัญอย่าวางใจให้อู่ทำงานแล้วเช็คบิลทีหลัง

อู่ที่ได้มาตรฐานจะประมาณการงบประมาณได้ก่อนทำงาน ซึ่งตรงนี้อาจจะประวิงเวลาให้คุณคิดก่อนตัดสินใจซ่อมแซมรถสุดที่รัก และพยายามสอบถามจากผู้ใช้รถรุ่นเดียวกันกับคุณหรือเพื่อนที่เคยมีประสบการณ์ ว่าราคาที่ได้มาสมเหตุผลหรือไม่

3. ผลที่ตามมาหลังซ่อม ในข้อแรกเราให้คุณถามว่าหายขาดหรือไม่ แน่นอนบางอย่างสามารถทำได้แล้วหายเป็นปลิดทิ้งแถมดีกว่าเสียอีก แต่ข้อหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือว่า เมื่อมีงานแปลงบางอย่างอาจไม่เป็นไปอย่างที่คิด และบางครั้งอาจนำมาซึ่งค่าใช้จ่ายภายหลัง เช่น วางเครื่อง คุณอาจต้องเซทช่วงล่างเพิ่ม เพราะน้ำหนักเครื่องมากกว่าที่ช่วงล่างจะรับได้ เป็นต้น ซึ่งเรื่องแบบนี้อู่มักไม่บอก แต่เมื่อคุณทำการดัดแปลงไปแล้วรถคันนั้นจะราคาตกทันที เพราะฉะนั้นควรคิดรอบคอบถึงผลระยะยาวด้วย

4. คันนี้ใช้คุ้มพอรึยัง หลายคนมักจะคิดว่าตัวเองยังใช้รถไม่คุ้มค่า ที่บางคนรถหลาย 10 ปี ก็ซ่อมแล้วซ่อมอีก จนสุดท้ายเหนื่อยซ่อมนำไปสู่การขายทิ้งซื้อใหม่ในอนาคตอันใกล้อีกอยู่ดี แน่นอนเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาแล้วมากมาย เราเลยอยากให้มองว่ารถคันนี้คุ้มทุนแล้วหรือยัง โดยเฉพาะ ถ้ารถคันนั้นมีอายุ เกิน 7 ปี หรือมีระยะทางเกิน 1.5 แสนกิโลเมตร มันอาจถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนรถใหม่

หลายคนมักคิดว่าเพิ่งผ่อนหมดจบหนี้ทำไมต้องเร่งให้ซื้อรถใหม่ ทว่ารถเก่าก็เหมือนคนแก่ ที่ต้องได้รับการดูแลเป็นประจำสม่ำเสมอในทุกชิ้นส่วน และยิ่งถ้าคุณเป็นคนไม่ค่อยมีเวลาหรือไม่ค่อยถนัดเกี่ยวกับรถยนต์นัก การนำมันไปแลกเปลี่ยนคันใหม่มาขับแบบสบายใจ แล้วคิดว่าไม่ต้องมีปัญหาวุ่นวายกับอู่ ที่อาจทดแทนด้วยค่าผ่อนรถรายเดือน มันน่าจะคุ้มกว่าไหม แถมรถใหม่ๆยังมีสมรรถนะที่ดีขึ้นและประหยัดมากขึ้นด้วย

4 ข้อนี้เป็นเรื่องที่ต้องคิดให้หนักมากๆ โดยเฉพาะเมื่อรถคุณต้องซ่อมหนัก ไม่ว่าจะระบบเครื่องยนต์หรืออื่นๆที่จะทำให้รถคันนั้นอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ซึ่งนอกจากคุณจะไม่ต้องเสียเวลา วิ่งเข้า-ออกอู่ให้วุ่นวายและรถใหม่ๆประหยัดมากขึ้นแล้ว คุณยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้นจากสมรรถนะที่ดีขึ้นของรถคันใหม่

เราเองเจอหลายคนมีปัญหาเรื่องรถ โดยเฉพาะยิ่งรถเก่ายิ่งหนักใจ แต่บางคนไม่ศึกษาอย่างจริงจัง จนนำไปสู่ปัญหาเรื้อรัง ที่ทำให้ต้องขายรถในท้ายที่สุด สิ่งเหล่านี้สามารถแก้ไขได้เพียงแค่คุณมองให้ขาดแล้วคิดว่ามันคุ้มหรือเปล่า ซึ่งสิ่งสำคัญไม่ใช่คำถามข้างต้น แต่อยู่ที่การตัดสินใจที่ต้องคิดให้ถี่ถ้วนก่อนลงมือทำ