ผู้เขียน หัวข้อ: 10 อันดับรถประหยัดน้ำมัน  (อ่าน 1960 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Mor

  • Type3
  • ***
  • กระทู้: 384
  • คะแนนพิษสวาท +1/-1
10 อันดับรถประหยัดน้ำมัน
« เมื่อ: กรกฎาคม 02, 2014, 04:46:22 AM »
การซื้อรถยนต์สักหนึ่งคันมีองค์ประกอบการตัดสินใจหลายประการ แต่อย่างน้อยด้านความประหยัดน้ำมันย่อมสำคัญเป็นอันดับแรกๆ  ซึ่งในปัจจุบันรถยนต์ที่มีจำหน่ายในประเทศไทยส่วนมากก็เน้นความประหยัดกันมากขึ้น อาจเพราะกระแสการตื่นตัวในเรื่องอนุรักษ์พลังงานและความประหยัดเมื่อใช้งานในชีวิตประจำวัน ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่ารถยนต์ในหลายรุ่นมักเน้นจุดขายด้านความประหยัดน้ำมัน หรือ เน้นรถยนต์ไฮบริดกันมากขึ้น แต่ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อรถประหยัดน้ำมันนั้น เราควรศึกษาทราบข้อมูลเบื่องต้นก่อนว่ารถยนต์แต่ละรุ่นมีความประหยัดมากน้อยเพียงใด ในนี้เรา จะพามาดูว่ารถประหยัดน้ำมันที่สุด 10 อันดับนั้นมีรถรุ่นใดบ้าง

อันดับที่ 10 Nissan Almera (ราคา 433,000 - 608,000 บาท) ประหยัดน้ำมันได้สูงสุด 20 กม./ลิตร
เป็นรถ Eco-Car ขนาด 4 ประตูรุ่นแรกที่ออกมาและได้รับการตอบรับจากมวลชนเป็นอย่างดี สำหรับ นิสสัน อัลเมร่า ที่มีตัวรถและห้องโดยสารที่มีขนาดใหญ่กว่ารถรุ่นเดียวกัน มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร HR12DE ขนาด 3 สูบ 12 วาล์ว CVTC 79 แรงม้า สามารถประหยัดน้ำมันได้สูงถึง 20 กม./ลิตร แบบไม่ลำบากเท่าไหร่ (แต่เมื่อใช้งานในเมือง อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 11-16 กม./ลิตร)

อันดับที่ 9 ToyotaYaris (ราคา 469,000 – 599,000 บาท) ประหยัดน้ำมันสูงสุด 20 กม./ลิตร
อีโค่คาร์ แฮตช์แบก 5 ประตู รุ่นแรกของโตโยต้าในประเทศไทยที่เปิดตัวโดเด่นกว่าในเรื่องความกว้างขวางตอนหลังที่กว้างระดับต้นๆ ของรถเซกเมนต์นี้ ภายในสไตล์หรูหราคล้าย โตโยต้า วีออสใหม่ ยารีสอีโค่คาร์ใช้เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร 3NR-FE เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว Dual VVT-I  86 แรงม้า เกียร์ CVT สามารถประหยัดได้สูงสุด 20 กม./ลิตร (ผลการทดสอบจากยุโรป UNECE Reg 101 Combined Mode)  ซึ่งจากการใช้งานจริงความประหยัดอยู่ระหว่าง 13 – 16 กม./ลิตร

อันดับที่ 8 HondaBrio(ราคา 436,500 - 533,500 บาท) ประหยัดน้ำมันได้สูงสุด 20 กม./ลิตร
รถ Eco-Car อีกรุ่นที่มีเสียงพูดถึงจากผู้บริโภคพูดถึงมากที่สุดอีกหนึ่งรุ่น แม้ว่าจะมีการปรับโฉมเล็กๆน้อยๆเพิ่มรุ่นเกียร์อัตโนมัติ ในรุ่นถูกสุดมาแล้ว สำหรับ บริโอ้ มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร 4 สูบ DOHC VTEC ให้แรงม้าสูงสุด 90 แรงม้า อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 14-16 กม./ลิตร ซึ่งอาจจะกินนิดๆ เพื่อแลกมาด้วยอัตราเร่งที่ดีกว่ารถหลายๆรุ่นในกลุ่ม Eco-Car แต่หากใช้งานนอกเมือง สามารถประหยัดน้ำมันได้สูงถึง 20 กม./ลิตร เหมือนที่โฆษณาไว้

อันดับที่ 7 SuzukiSwift(ราคา 434,000 - 569,000 บาท) ประหยัดน้ำมันได้สูงสุดถึง 20-21 กม./ลิตร
รถ Eco-Car ที่ประสบความสำเร็จและขายดีมากที่สุดอีกรุ่นหนึ่งของ ซูซูกิ ที่โดดเด่นในด้านรูปทรง และอุปกรณ์ต่างๆที่ติดมาให้กับตัวรถ สำหรับ สวิฟท์ มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร รหัส K12B ขนาด 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVT 91 แรงม้า อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง(ใช้งานในเมือง)โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 12-18 กม./ลิตร ดูเหมือนว่า สวิฟท์ จะกินน้ำมันมากหน่อย แต่หากใช้งานนอกเมือง สามารถประหยัดน้ำมันได้สูงถึง 20-21 กม./ลิตร เลยทีเดียว

อันดับที่ 6 NissanMarch (ราคา 388,000 - 558,000 บาท) ประหยัดน้ำมันได้สูงสุด 20 กม./ลิตร
สำหรับรถที่ได้รับความนิยมอย่างมาก (เพราะเริ่มขายก่อนใครเพื่อน) และมีราคาถูกในท้องตลาด นั่นคือ "นิสสัน มาร์ช" ที่(ชื่อนี้)เคยขายในไทยเมื่อ 20 กว่าปีก่อน แต่ไม่ประสบความสำเร็จ จนหวนกลับมาใหม่ในรูปแบบของรถ "Eco-Car" คันแรกของไทย มาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร HR12DE ขนาด 3 สูบ 12 วาล์ว CVTC 79 แรงม้า สามารถประหยัดน้ำมันได้สูงถึง 20 กม./ลิตร (แต่การวิ่งใช้งานจริง อยู่ที่ประมาณ 12-18 กม./ลิตร ตามสภาพการขับขี่)

อันดับที่ 5 HondaJazzHybrid (ราคา 768,000 – 778,000 บาท) ประหยัดน้ำมันได้สูงสุดถึง 21.3 กม./ลิตร
หลังจากที่ฮอนด้าได้สร้างสีสันให้กับตลาดรถ Sub-Compact ด้วยการเปิดตัวรถไฮบริดรุ่นเล็กสุดอย่าง แจ๊ส ไฮบริด ราคาไม่แพง คุ้มค่าสำหรับการใช้งาน ประหยัดกว่าเครื่องยนต์ธรรมดาถึง 35% รถรุ่นนี้มีหลายๆจุดที่แตกต่างไปจากแจ๊สรุ่นธรรมดา รวมไปถึงตัวเครื่องยนต์ที่มีขนาด 1.3 ลิตร 4 สูบ SOHC i-VTEC 8 วาล์ว 88 แรงม้า พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ IMA และชุดหน่วยควบคุมอัจฉริยะหรือ IPU ที่มีขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบา อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 15-18 กม./ลิตร (สำหรับข้อมูลในโบรชัวร์ ระบุสามารถประหยัดได้ถึง 21.3 กม./ลิตร)

อันดับที่ 4 MitsubishiMirage (ราคา 380,000 - 546,000 บาท) ประหยัดน้ำมันได้สูงสุดถึง 22 กม./ลิตร
สำหรับ มิตซูบิชิ มิราจ ก็เป็นอีกหนึ่งในรถ Eco-Car ที่ได้รับความนิยมในท้องตลาดไม่แพ้กัน ด้วยรูปทรงขนาดน่ารักและกะทัดรัด พกพาสมรรถนะขนาด 1.2 ลิตร 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว MIVEC 78 แรงม้า ให้ทั้งความประหยัดและความแรงในการขับขี่ สำหรับ มิราจ เองนั้น หากใช้งานนอกเมือง วิ่งทางไกล อัตราสิ้นเปลืองโดยเฉลี่ยทำได้ถึง 22 กม./ลิตร เลยทีเดียว (ผลการทดสอบจากยุโรป UNECE Reg 101 Combined Mode) แต่หากใช้งานในเมือง อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 15-16 กม./ลิตร

อันดับที่ 3 BMW320D(ราคา 2,899,000 บาท) ประหยัดน้ำมันได้สูงสุดถึง 22.7 กม./ลิตร
รถขนาด Compact รุ่นใหม่ล่าสุดจากค่ายใบพัดฟ้าขาว ที่เน้นเกาะกระแสรถยนต์เครื่องดีเซลคอมมอนเรล พร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัยทั้งคัน เช่น ฝากระโปรงท้าย "เปิดได้เอง" เพียงคุณยื่นเท้าเข้าไปใต้กันชนหลัง เป็นต้น ที่สำคัญ รถรุ่นนี้ยังประกอบในไทย มาพร้อมเครื่องยนต์เป็นแบบขนาด 2.0 ลิตร DOHC 16 วาล์ว 184 แรงม้า แบบเทอร์โบแปรผันพร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยประมาณ 16 กม./ลิตร แต่ตัวเลขที่สามารถทำได้ประหยัดที่สุดคือ 22.7 กม./ลิตร

อันดับที่ 2 LexusCT200H(ราคา 1,999,000 - 2,740,000 บาท) ประหยัดได้สูงสุด 26.32 กม./ลิตร
รุ่นใหม่ล่าสุดปี 2014 เป็นรถ Compact Premium ขนาด 5 ประตูรุ่นแรกของเลกซัส ออกแบบและสร้างสรรค์ตามปรัชญา "Yet Philosophy" อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้รูปลักษณ์ของ CT 200 h มีเส้นสายที่โฉบเฉี่ยว และเป็นเอกลักษณ์โดดเด่น เครื่องยนต์เป็นแบบ 2ZR-FXE ขนาด 4 สูบ 1.8 ลิตร แบบ Atkinson Cycle พร้อมระบบปรับองศาวาล์วแปรผัน VVT-I และมอเตอร์ไฟฟ้า ให้แรงม้าสูงสุด 134 แรงม้า อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยประมาณ 18-19 กม./ลิตร (แต่ที่เมืองนอกทดสอบมา สามารถประหยัดได้ถึง 26.32 กม./ลิตร)

อันดับที่ 1 ToyotaPrius (ราคา 1,199,000 - 1,399,000 บาท) ประหยัดน้ำมันได้สูงสุดถึง 28 กม./ลิตร
รถ Hybrid รุ่นแรกที่ทางโตโยต้าผลิตขายอย่างเป็นทางการในบ้านเรา เปิดตัวไปตั้งแต่ปี 2553 โดยเพิ่งปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ไปในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดดเด่นด้วยตัวรถที่ลู่ลม ไฟหน้าไฟท้ายแบบ LED ดีไซน์โฉบเฉี่ยว ซึ่งมีส่วนช่วยให้อัตราความสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงน้อยลง สามารถประหยัดน้ำมันได้สูงสุดถึง 28 กม./ลิตร (แต่ในการขับขี่จริงบนท้องถนน ได้ประมาณ 20-25 กม./ลิตร) ยังช่วยลดมลพิษให้กับโลกอีกด้วย

หมายเหตุ ตัวเลขอัตราเฉลี่ยการประหยัดน้ำมันอ้างอิงจากเว็บไซต์รถยนต์รุ่นนั้นๆและจากหลายสื่อที่เชื่อถือได้ทั้งในและต่างประเทศ