วิธีเลือก แบตเตอรี่รถยนต์ ให้เหมาะสม
1. เลือกขนาดของแอมแปร์ ให้เหมาะสมกับขนาดเครื่องยนต์ การเลือกแอมแปร์ควรเลือกให้มีขนาดพอดี หรือมากกว่านิดหน่อย เนื่องจาก แบตเตอรี่รถยนต์ ที่มีขนาดแอมแปร์มาก จะมีความทนทานมากกว่า แต่เพื่อนๆก็ต้องแลกมากับค่าแบตเตอรี่ที่แพงกว่านิดหน่อยครับ แต่หากรถยนต์ของเพื่อนๆเป็นรถเดิมๆที่ไม่ได้ไปทำเครื่องเสียง หรืออุปกรณ์ไฟต่างๆเพิ่ม บอกเลยครับว่า ไม่จำเป็นต้องเลือกแอมป์ที่มากขึ้นครับ
หากมีการแต่งเพิ่ม อาจต้องเพิ่มแอมแปร
หากมีการแต่งเพิ่ม อาจต้องเพิ่มแอมแปร
แล้วเครื่องยนต์กี่ซีซี เหมาะกับแอมแปร์เท่าไหร่บ้าง
รถเก๋ง ญี่ปุ่น เครื่องยนต์ขนาด 1,200 – 1,900 ซีซี ใช้แบตเตอรี่ขนาด 45 – 60 แอมป์
รถเก๋ง ญี่ปุ่น เครื่องยนต์ขนาด 2,000 – 3000 ซีซี ใช้แบตเตอรี่ขนาด 60 – 75 แอมป์
รถเก๋ง ยุโรป เครื่องยนต์ขนาด 2,000 – 3,000 ซีซี ใช้แบตเตอรี่ขนาด 75 แอมป์ (ขั้วจม)
รถเก๋ง ยุโรป เครื่องยนต์ขนาด 2,800 – 4,000 ซีซี ใช้แบตเตอรี่ขนาด 100 แอมป์ (ขั้วจม)
รถกระบะ เครื่องยนต์ขนาด 2,000 – 3,000 ซีซี ใช้แบตเตอรี่ขนาด 70 – 90 แอมป์
เมื่อแบตมีให้เลือกมากมาย
เมื่อแบตมีให้เลือกมากมาย
2. เลือกประเภทของ แบตเตอรี่รถยนต์ ให้เหมาะสมกับการใช้งาน แบตเตอรี่รถยนต์ แบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ แบตเตอรี่เปียก , แบตเตอรี่กึ่งแห้ง และ แบตเตอรี่แบบแห้ง แล้วแบบไหนเหมาะกับเพื่อนๆที่สุด ลองพิจารณาตามได้เลยครับ
แบตเปียก
แบตเปียก
แบตเตอรี่เปียก (กรดตะกั่ว)
ถือว่าเป็นแบตที่มีราคาถูกที่สุด และต้องดูแลบ่อยที่สุด อย่างน้อยต้องหมั่นตรวจสอบระดับน้ำกลั่นเดือนละ 1 ครั้งอย่างต่ำ มันจึงเหมาะกับเพื่อนๆที่มีเวลาดูแลรักษารถยนต์อย่างสม่ำเสมอครับ แบตประเภทนี้จะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานที่สุดหากดูแลอย่างสม่ำเสมอ และจะมีอายุที่น้อยที่สุดหากขาดการดูแลนั่นเอง
แบตกึ่งแห้ง
แบตกึ่งแห้ง
แบตเตอรี่กึ่งแห้ง MF (Maintenance Free)
เป็นแบตเตอรี่ที่มีราคาปานกลาง พัฒนามาจากแบตเตอรี่เปียก แต่ถูกออกแบบมาให้มีการสูญเสียน้ำกลั่นน้อยมาก การดูแลรักษาจึงทำแค่เพียง การเติมน้ำกลั่นและตรวจเช็คอย่างน้อยครึ่งปีต่อ 1 ครั้ง เท่านั้น ส่วนอายุการใช้งานจะอยู่ในระดับปานกลางครับ
แบตแห้ง
แบตแห้ง
แบตเตอรี่แบบแห้ง SMF (Sealed Maintenance Free Car Battery)
แบตเตอรี่ประเภทนี้ จะมีราคาแพงที่สุดครับ ที่สำคัญมันเหมาะกับผู้ที่ไม่ค่อยได้ใช้รถ หรือ ผู้ที่ไม่ชอบการดูแลรักษารถยนต์ เพราะมันเป็นแบตที่ไม่สามารถเปิดฝาเติมน้ำกลั่นได้ มันจึงไม่ต้องดูแลรักษาใดๆทั้งสิ้น จนกว่าจะหมดอายุการใช้งานของมัน ส่วนอายุการใช้งานขึ้นอยู่กับคุณภาพของยี่ห้อนั้นๆครับ บ้างก็ว่ามันไม่ทน แต่หากเป็นยี่ห้อดีหน่อย 5 – 10 ปี สบายมากครับ
นอกจากนี้ยังมี ขั้นตอนการเปลี่ยนแบตเตอรี่ ซึ่งคราวหน้าทางเราจะนำเสนอให้ได้ติดตามกันอีกครั้งนะครับ ส่วนเรื่องที่ว่า ควรเลือกยี่ห้อไหน ควรใช้ราคาเท่าไหร่ เพื่อนๆสามารถพิจารณาได้ ตามความเหมาะสมเลยครับ