ผู้เขียน หัวข้อ: รถเสียระหว่างทาง ทำยังไงดี?  (อ่าน 3777 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Far

  • บุคคลทั่วไป
รถเสียระหว่างทาง ทำยังไงดี?
« เมื่อ: มกราคม 12, 2017, 05:59:21 AM »
รถเสียระหว่างทาง ทำยังไงดี?

 คงไม่มีใคร อยากให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นกับตัวเองเมื่อต้องขับรถเดินทางไกล เพราะนอกจากจะเสียอารมณ์ในเรื่องของรถที่พัง และการเดินทางที่ไม่ราบรื่นแล้ว การเสียเงินซ่อม รวมไปถึงการเสียเวลารอรถซ่อมเสร็จ ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีเท่าใดนัก

   ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้อาจเกิดขึ้นเพราะคุณไม่ค่อยตรวจเช็ก หรือดูแลรถยนต์ให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ แต่บางครั้งมันก็อาจเกิดขึ้นได้แบบปัจจุบันทันด่วน แม้คุณจะดูแลรักษาดีแล้วก็ตาม และถึง แม้เหตุการณ์บางอย่างอาจจะเกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว แต่ถ้าหากเราเตรียมพร้อมรับมืออยู่เสมอ ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเท่าไหร่ และหากมีความรู้ในเรื่องของรถยนต์บ้าง(เล็กน้อยก็ยังดี) ก็อาจทำให้รอดพ้น สถานการณ์นั้นๆ ไปได้ แล้วจึงค่อยไปขอความช่วยเหลือ หรือนำรถไปเข้าอู่เพื่อตรวจเช็ก และซ่อมแซมให้กลับมาใช้งานได้ดังเดิม

   เอาเป็นว่ามาดูวิธีการรับมือเบื้องต้น เมื่อรถเสียกลางทางกันดีกว่า ว่ามีอะไรต้องเตรียมกันบ้าง

   1. สติ เป็นสิ่งที่ควรมีที่สุดยามที่เกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น เพราะหากขับขี่อยู่แล้วคุมสติไม่ได้ อาจเกิดอุบัติเหตุทันที หรือถ้าหากรถจอดเสียกลางทางแล้วมัวแต่สติแตก บางทีเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็อาจมองข้าม ทำให้แก้ปัญหาไม่ได้นั่นเอง

   2. ยางอะไหล่ รถทุกคันต้องมีมาให้อยู่แล้ว แต่ก็มีบางคนที่ถอดออกเพราะรู้สึกเกะกะ หนักรถ หรือขวางทางถังแก๊ส จึงเอาออก ซึ่งจริงๆ แล้วไม่สมควรเอาออกอย่างยิ่ง ถึงแม้จะไม่ได้เดินทางไกลก็ตาม เพราะหากรถเกิดยางแตก ยางแบน ฯลฯ ระหว่างทางขึ้นมา มียางอะไหล่ไว้เปลี่ยน ก็ดีกว่าต้องจอดรอความช่วยเหลือ หรือบดยางเส้นนั้นไปจนถึงอู่ เผลอๆ บดมากๆ จนปะไม่ได้ ก็ต้องเสียเงินเปลี่ยนใหม่ทั้งเส้น

   3. เครื่องมือประจำรถ ส่วนมากจะมาพร้อมกับยางอะไหล่ โดยจะมี แม่แรง ตัวขันแม่แรง ตัวขันน็อตล้อรถ ฯลฯ ซึ่งอุปกรณ์ในส่วนนี้ นอกจากจะนำมาใช้เปลี่ยนล้อได้แล้ว มันยังสามารถใช้ยกใต้ท้องรถ เพื่อตรวจดูตรวจสอบอาการผิดปกติ ที่อาจเกิดขึ้นด้วยสาเหตุอื่นได้อีกด้วย

   4. อุปกรณ์ช่วยเหลืออื่นๆ เช่น ไฟฉาย สายพ่วงแบตเตอรี่ ป้ายไฟสัญญาณเตือน ตัวตัดเข็มขัด และที่ทุบกระจก ฯลฯ แม้จะดูว่าเยอะ แต่มีไว้ใช้ดีกว่าจะใช้แล้วไม่มี

   5. น้ำเปล่าขวดใหญ่ ดูแล้วเหมือนจะไม่สำคัญ แต่ถ้าหากรถเกิดความร้อนขึ้น (โอเวอร์ฮีท) คุณก็สามารถนำมันมาเติมแก้ขัด เพื่อขับรถไปเข้าอู่ที่ใกล้ที่สุดได้ แต่ควรจำไว้ด้วยว่า อย่าเปิดฝาหม้อน้ำในขณะที่มันยังร้อนอยู่ เพราะน้ำที่เหลืออยู่ภายในอาจพุ่งออกมาโดนร่างกายของคุณ ทำให้บาดเจ็บได้ ควรรออย่างน้อย 15 นาที แล้วจึงค่อยเปิดฝาหม้อน้ำออก

   6. อุปกรณ์ช่าง เช่น ไขควงปากแบน-แฉก คีม ประแจเบอร์ต่างๆ สายรัดเคเบิ้ลไทร์ น็อตตัวผู้ตัวเมีย และสกรูเบอร์ต่าง ฯลฯ บางครั้งคุณอาจจำเป็นต้องงัดแงะ แกะ ไข หรือขันในจุดต่างๆ เช่น ตกหลุมกันชนหลุด ก็อาจต้องใช้ไขควง ประแจ น็อต ขันมันกลับเข้าไปให้แน่น หรือถ้าหูกันชนฉีก ขาด ก็นำเคเบิ้ลไทร์มารัดแก้ขัดไปก่อน แล้วจึงค่อยนำไปซ่อมทีหลัง

   7. ท่อนเหล็ก หรือท่อนไม้ยาวๆ นำมาใช้ได้ในกรณีที่เพิ่งจอดรถแล้วเครื่องยนต์ยังร้อนอยู่ พอกลับมาแล้วสตาร์ทไม่ติด และเช็กแล้วว่าแบตเตอรี่ยังดีอยู่ หรือเพิ่งเปลี่ยนมาใหม่ คุณสามารถนำมากระทุ้ง หรือเคาะเบาๆ ที่ไดร์สตาร์ทได้ เพราะไดร์สตาร์ทอาจเสื่อมแล้ว จึงทำให้สตาร์ทรถไม่ติด

   8. ลวด สามารถเอามาใช้ได้เมื่อท่อไอเสียรถยนต์เกิดขาดแล้วครูด หรือลากไปกับพื้นถนน ให้รีบจอดรถเข้าข้างทางเมื่อได้ยิน หรือรู้สึกตัว จากนั้นเอาลวดมาผูกมัดให้แน่น เพื่อใช้งานชั่วคราวไปก่อนจะไปหาอู่ซ่อม และอย่าใช้เชือกฟาง เคเบิ้ลไทร์ หรือเชือกที่ไม่ทนความร้อนมาผูก เพราะตัวท่อมีความร้อนสูง อาจทำให้เชือกที่นำมาผูกท่อขาด ทำให้ท่อหลุดร่วงลงมาที่พื้นอีกครั้ง

  สุดท้ายนี้ที่ลืมไม่ได้เลย และเชื่อว่าทุกคนไม่น่าจะลืมก็คือ โทรศัพท์มือถือ หรือสมาร์ทโฟนนั่นเอง เพราะหากที่กล่าวมาทั้งหมดด้านบน คุณไม่ได้เตรียมมาเลย โทรศัพท์จึงเป็นสิ่งสุดท้ายที่คุณจะพึ่งได้ เนื่องจากคุณสามารถโทรขอความช่วยเหลือได้ ทั้งจากครอบครัว เพื่อน หรือเบอร์ช่วยเหลือฉุกเฉินต่างๆ รวมไปถึงอู่ซ่อม ฯลฯ และหากใครมีวิธีช่วยเหลืออื่นๆ เพิ่มเติม สามารถนำมาแนะนำเพื่อนๆ ในแฟนเพจได้เลยครับ