ผู้เขียน หัวข้อ: 5 เคล็ดลับเตรียมร่างกาย ก่อนขับรถทางไกล "ไม่ง่วง"  (อ่าน 5688 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Far

  • บุคคลทั่วไป
5 เคล็ดลับเตรียมร่างกาย ก่อนขับรถทางไกล "ไม่ง่วง"

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แนะประชาชนช่วงวันหยุดยาวนี้ ขอให้เตรียมรถและคนให้พร้อมก่อนเดินทาง เน้นตรวจเช็คสภาพรถทุกส่วน ผู้ขับไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และพักผ่อนให้เพียงพอ พร้อม 5 วิธีสร้างความตื่นตัวขณะขับรถทางไกล

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในช่วงวันหยุดยาววันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษานี้ ประชาชนส่วนใหญ่จะเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือขับรถท่องเที่ยวและทำบุญตามต่างจังหวัด กรมควบคุมโรค จึงขอแนะนำให้ประชาชนเตรียมพร้อม 2 อย่างก่อนการเดินทางไกล เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด ได้แก่

    เตรียมสภาพรถ ตรวจเช็คลมยาง ไฟส่องสว่างและไฟเลี้ยว ตรวจระบบเบรกให้มีความสมบูรณ์และใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ ตรวจสอบน้ำกลั่นในหม้อแบตเตอรี่ เติมน้ำมันเครื่องให้พร้อม และควรมีเครื่องมือประจำรถและอะไหล่ต่างๆสำรองติดรถเอาไว้

    เตรียมคนขับ โดยพักผ่อนให้เพียงพอ หากขับในระยะทางไกลมาก ควรมีการแวะพักเพื่อปรับเปลี่ยนอิริยาบถ เป็นระยะ เพื่อป้องกันอาการง่วงนอน และต้องขับรถด้วยความระมัดระวัง ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด ที่สำคัญต้องไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดหรือทานยาที่ทำให้ง่วง เช่น ยาลดน้ำมูก ยาภูมิแพ้ ยาแก้ไอ เป็นต้น

ที่สำคัญผู้ขับต้องสร้างความตื่นตัวให้กับตัวเองด้วย 5 วิธีง่ายๆ ดังนี้

    เปิดหน้าต่างเป็นระยะเพื่อการถ่ายเทอากาศ

    สวมแว่นตากันแดดหรือใช้ที่บังแดดเพื่อลดแสงจ้าหรือแสงสะท้อนที่ทำให้มองเห็นไม่ถนัดขณะขับรถในช่วงที่แสงแดดแรง

    หลีกเลี่ยงการขับรถติดต่อกันเป็นเวลานาน

    ช่วงรถติดหรือติดไฟแดงสามารถลดอาการเมื่อยล้าของสายตาและกล้ามเนื้อได้ โดยมองไปยังต้นไม้สีเขียวหรือหลับตาพักสายตาสักครู่ และนวดบริเวณต้นคอและบ่า 2 ข้าง

    ควรหยุดพักบ่อยๆ จิบน้ำหรือหาเครื่องดื่มมาช่วยเพิ่มความสดชื่น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่มร้อนหรือเย็นเพื่อให้ร่างกายสดชื่น ตื่นตัวตลอดเวลา

นอกจากนี้ อย่าลืมคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้ง ผู้ที่ใช้รถจักรยานยนต์ทั้งผู้ขับขี่และโดยสาร ควรสวมหมวกกันน็อคทุกครั้งเช่นกัน และขับรถไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่สำคัญหากพบเห็นผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ขอให้โทรแจ้งขอความช่วยเหลือจากทีมแพทย์กู้ชีพ โทร 1669 ซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้ความชำนาญ จะเกิดความปลอดภัยกับผู้บาดเจ็บมากขึ้น หากประชาชนมีข้อสงสัยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422

ที่มา www.sanook.com