ขายรถมือสองอ่วมเจอพิษ2เด้ง ตลาดหดตัวรถใหม่หนีตายกระทุ้งแคมเปญเดือด
แหล่งข่าวในวงการขายรถเก่าเปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงสถานการณ์ของตลาดรถยนต์มือสองว่า น่าเป็นห่วงมาก ได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากอีโคคาร์และรถยนต์คันแรกอย่างหนัก ถึงตอนนี้ตลาดแทบจะไม่เคลื่อนไหว
นายสมชาย ตระกูลภิรมย์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท มาสเตอร์ เซอร์ทิฟายด์ ยูสคาร์ จำกัด บริษัทในเครือมาสเตอร์ กรุ๊ปกล่าวยอมรับกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า นอกจากโครงการรถยนต์คันแรกและอีโคคาร์แล้ว แคมเปญขายรถใหม่ก็กระทบตลาดรถเก่าไม่ใช่น้อย กำไรจากการขายรถมือสองระดับพรีเมี่ยมหายไปถึง 50% จากเดิมจะได้กำไรต่อคันเฉลี่ย 7-10% รถที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือรถยนต์ที่มีระดับราคา 500,000 บาท เป็นหลัก
นอกจากปัจจัยข้างต้นแล้ว อีกหนึ่งปัญหาที่ลูกค้าและผู้ประกอบการต้องเผชิญ คือความเข้มงวดของไฟแนนซ์ที่เพิ่มเงื่อนไขจากปกติดาวน์ขั้นต่ำ 10% ตอนนี้ไม่มีใครรับแล้ว
"ตลาดมือสองหดตัวแรงมาก ไตรมาสแรกที่ผ่านมา ยอดขายหายไปค่อนข้างมาก แต่เราก็เชื่อว่าตลาดจะเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ราวไตรมาส 3 สำหรับรถยนต์นั่งระดับกลาง-บน ส่วนรถในกลุ่มรถเล็กอย่างอีโคคาร์ คาดว่าปีนี้ทั้งปีจะยังคงอยู่ในภาวะชะลอตัว ซึ่งบริษัทยังไม่มีแผนที่จะปรับเป้าหมายยอดขายที่ 1,400 คันในปีนี้ เนื่องจากต้องการรอดูสถานการณ์ตลาดในช่วงครึ่งปีแรกก่อน ซึ่งมั่นใจว่าตลาดจะกลับมาคึกคักอีกครั้งหนึ่ง โดยบริษัทได้เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับตลาดที่จะเติบโตในอนาคต ด้วยการขยายสาขาใหม่ในเร็ว ๆ นี้"
ทั้งนี้คาดการณ์ว่าหลังจากนี้ตลาดจะกลับมาคึกคักอีก จะมีรถยนต์มือสองที่มีคุณภาพจากโครงการรถคันแรกเข้าสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้น และผลประโยชน์ก็จะกลับไปตกที่กลุ่มผู้บริโภคอีกครั้งหนึ่ง
นายเอกพิทยา เอี่ยมคงเอก กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหการประมูล จำกัด (มหาชน) กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงภาพรวมของตลาดประมูลรถยนต์มือสองว่า สำหรับช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์มือสองได้รับแรงกดดันจากกลยุทธ์การจัดแคมเปญของค่ายรถยนต์ต่าง ๆ ทำให้ลูกค้าบางค่ายนั้นได้รับสิทธิประโยชน์ด้วยส่วนลดและของแถมต่าง ๆ เทียบเท่ากับรถที่เข้าร่วมโครงการรถคันแรก ราคาจำหน่ายรถยนต์มือสองนั้นจึงยังมีการปรับลดลง โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์นั่ง คาดว่าตลาดจะอยู่ในสภาพเช่นนี้ไปจนถึงไตรมาสที่ 3 ส่วนไตรมาสสุดท้ายของปี สถานการณ์ของตลาดรถมือสองน่าจะดีขึ้น จากแนวโน้มของราคาจำหน่ายรถมือสองที่ไม่ลดลงไปมากกว่าเดิม ราคาน่าจะเริ่มปรับเข้าสู่ภาวะปกติ
ส่วนความกังวลที่หลายฝ่ายมีต่อรถคันแรกที่ถูกยึดนั้น โดยปกติค่าเฉลี่ยของเอ็นพีแอลรถยนต์ใหม่จะอยู่ที่ 3% ซึ่งเมื่อคำนวณจากยอดขายรถยนต์คันแรกที่ 1.2 ล้านคัน คิดเป็นเอ็นพีแอลที่ 3% หรือจำนวนรถราว 100,000 จึงดูเป็นจำนวนที่มาก ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว อัตราเอ็นพีแอลดังกล่าวถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่โอกาสที่รถคันแรกจะถูกยึดนั้น ถือว่ามีน้อยกว่ารถยนต์ทั่วไป เพราะส่วนใหญ่ลูกค้ามักจะดาวน์รถ 20% ทำให้ค่างวดต่อเดือนไม่สูงมากนัก ลูกค้าจึงมีความสามารถในการชำระค่างวด
"การที่ค่ายรถยนต์ต่าง ๆ จัดแคมเปญ อย่างดอกเบี้ย 0% ก็เหมือนเป็นการลดราคาสินค้า จึงส่งผลต่อตลาดรถมือสอง ด้วยราคาที่เปลี่ยนแปลงแรงและเร็ว ส่วนโครงการรถคันแรกที่กังวลกันว่าจะทำให้มีรถถูกยึดจำนวนมากนั้น ถือว่าไม่น่าเป็นห่วง เพราะยังคงมีระดับเอ็นพีแอลตามปกติ" นายเอกพิทยากล่าว
นายเชาวลิต กาญจนนท์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แอพเพิลออโต้ ออคชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้ให้บริการประมูลรถยนต์และรถจักรยานยนต์มือสอง เปิดเผยว่า หลังจากมีโครงการรถยนต์คันแรก ทำให้ตลาดรถยนต์มือสองชะงักไปตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา รวมถึงราคาจำหน่ายรถปรับระดับลดลงเฉลี่ย 5-10% ซึ่งในปีนี้มีจำนวนรถยึดจากสถาบันการเงิน รถเช่าที่หมดสัญญาเข้าสู่ตลาดรถมือสองจำนวนมาก
สำหรับบริษัทเองนั้นพบว่าจำนวนรถมือสองที่เข้ามาในระบบของบริษัทในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วมากกว่า50% ในขณะที่ดีมานด์ยังคงมีเท่าเดิมไม่สอดรับกัน จึงเป็นช่วงเวลาที่เต็นท์รถมือสองรายใหญ่ที่มีต้นทุนสูงเริ่มสต๊อกรถไว้จำหน่ายในช่วงปลายปี ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดรถมือสองน่าจะฟื้นตัวแล้ว
ส่วนลูกค้าที่สนใจซื้อรถมือสองไว้ใช้งานเอง กลับได้รับการอนุมัติสินเชื่อยากขึ้น หรือไม่สามารถกู้ได้ตามวงเงิน 100% จากราคารถ สถาบันการเงินอาจจะอนุมัติวงเงินสินเชื่อ 70-80% ของราคารถเท่านั้น เนื่องจากในปีที่ผ่านมา สถาบันการเงินต่าง ๆ มีการแข่งขันในการอนุมัติสินเชื่อจากโครงการรถคันแรก ซึ่งอาจจะมีความเข้มงวดในการตรวจสอบคุณภาพของลูกค้าลดลง รถที่ถูกยึดจึงเพิ่มขึ้น รถมือสองจึงเข้ามาในตลาดจำนวนมาก ขณะที่ความต้องการไม่ได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากดีมานด์ถูกดึงไปใช้ในปีที่แล้วจำนวนมาก คาดว่าในปีนี้รถมือสองที่จะถูกประมูลจะอยู่ที่ 100,000 คัน ซึ่งไม่เติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมามากนัก
ส่วนประเด็นปัญหาเกี่ยวกับโครงการรถคันแรก คือปัจจุบันเริ่มมีรถที่เข้าโครงการ และลูกค้าไม่สามารถชำระค่างวดได้ จึงถูกยึดไว้ที่สถาบันการเงิน แต่จากข้อกำหนดของโครงการที่เจ้าของรถต้องครอบครองรถเป็นเวลา 5 ปี ทำให้ทางสถาบันการเงินยังไม่สามารถจัดการขายทอดตลาดได้ ยังต้องรอความชัดเจนจากภาครัฐต่อไปว่าจะจัดการกับรถคันแรกที่ถูกยึดอย่างไร