สตาร์ทรถ เรื่องง่ายๆที่อย่ามองข้าม เชื่อหรือไม่แค่บิดกุญแจยังมีถูก-ผิด
เคยถามไหมว่า ก่อนออกรถคุณควรจะทำอย่างไร หลายอาจจะตอบคำถามนี้ในหลากข้อต่างๆมากมาย แต่เรื่องหนึ่งที่ดูแล้วจะขาดไม่ได้ก็คงเป็นในส่วนของการสตาร์ทเครื่องยนต์ให้ทำงาน เพื่อพร้อมจะขับเคลื่อนไปข้างหน้า สู่จุดหมายปลายทาง
พวกเราหลายคนที่ขับรถคงจะผ่านการทั้งบิด ทั้งกด เพื่อสตาร์ทรถยนต์แทบจะทุกวัน วันหนึ่งอย่างน้อยก็สองครั้ง หากแต่เคยคิดไหมครับ ว่าการสตาร์ทรถยนต์ก็ยังต้องการวิธีที่ถูกต้องและเรื่องง่ายๆนี้ก็อาจจะเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิด เชื้อเชิญปัญหาให้เข้ามาดูดเงินในกระเป๋าคุณก็เป็นไปได้
เมื่อเร็วๆนี้ ในประเทศไทยมีเคสหนึ่งที่น่าสนใจในการสตาร์ทรถยนต์ไม่ถูกวิธี เมื่อ โตโยต้าได้รับแจ้งจากลูกค้าว่า เกิดไฟโชว์แอร์แบ๊กติดตลอดเวลาขับขี่ และหลังจากลงไปแก้ไขปัญหานี้ก็พบว่า มีความเกี่ยวเนื่องมาจากการบิดกุญแจสตาร์ทรถไม่ถูกต้องทำให้เกิดการค้างหรือลัดวงจรของระบบทำให้ไฟโชว์ดังกล่าวเกิดขึ้น
แม้ฟังดูมันไม่น่าจะเป็นเรื่องราวที่น่าจะเกี่ยวกันได้ แต่นี่เป็นข้อเท็จจริงที่หลายคนมองข้าม เพราะกุญแจในรถยนต์ไม่ได้เหมือนกุญแจบ้าน ที่เสียบแล้วก็จะกระทำชำเราบิดพรวดสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ทันที เพราะในช่องกุญแจเหล่านี้นอกจากจะเป็นตัวล็อคต่างๆมากมายแล้ว ยังเป็นสวิทช์หลักในการตัดต่อระบบไฟฟ้าของรถยนต์ด้วย ซึ่งไปลองดูสิว่า วันนี้คุณสตาร์ทรถยนต์ถูกแล้ว หรือยัง
1.รู้จักตำแหน่ง ในการสตาร์ทรถยนต์แต่ละครั้งหลายคนอาจจะคิดว่าเสียบกุญแล้วบิดก้น่าจะจบ แต่ความจริงแล้ว ถ้าคุณลองบิดสวิทช์เหล่านี้ช้าๆก็จะพบว่า มันมีขั้นต่างๆประมาณ 3 ขั้น ด้วยกัน
1. Lock ตำแหน่งสวิทช์แรกที่เสียบกุญแจเข้าไปซึ่งตำแหน่งคือตำแหน่งดับเครื่อง เช่นเดียวกันมันยังสามารถใช้ล็อคพวงมาลัยได้อีกด้วย
2. ACC ในตำแหน่งที่ 2 อาจจะดูเหมือนไม่มีความสำคัญมากนัก แต่เป็นตำแหน่งที่คุณสามารถใช้ระบบความบันเทิงต่างๆของรถได้ เช่นระบบปรับอากาศ ,ระบบเครื่องเสียง โดยที่ไม่ต้องสตาร์ทเครื่องยนต์ แต่ไม่ควรทำบ่อยครั้ง เพราะแบตเตอร์รี่อาจจะหมดได้ อาจจะทำให้เสื่อมสภาพไวกว่าปกติ หรือถ้าใช้นานอาจสตาร์ทไม่ติด
3. On ตำแหน่งที่ไฟฟ้าถูกจ่ายเพื่อพร้อมสตาร์ทคล้ายกับ ACC แต่เมื่อบิดมาตำแหน่งนี้ ระบบ จะทำการสตาร์ทพร้อมทำงานในส่วนมาตรวัดต่าง โดยไฟเตือนต่างๆ จะทำงาน เพื่อแสดงสถานะความพร้อมใช้งาน
4. Start ตำแหน่งสุดท้าย ที่เมื่อบิดกุญแจ ไฟฟ้าจะจ่ายไฟไปยังชุดมอเตอร์สตาร์ทเพื่อถีบฟลายวีล หรือล้อช่วยแรงที่ติดอยุ่กับเครื่องยนต์เพื่อเริ่มต้นการทำงาน และจะกลับมาที่ตำแหน่งออกเองหลักจากทำงานแล้ว หากในการสตาร์ทคุณเผลอไปบิดตำแหน่งนี้อีกครั้งหลังเครื่องยนต์ทำงาน อาจจะทำให้ฟันเฟืองของมอเตอร์สตาร์ทเสียหายได้
2.สตาร์ทอย่างไรถึงถูก ด้วยความที่มันง่ายมาก ทำให้ไม่มีใครใส่ใจในส่วนของระบบกุญแจสตาร์ทเครื่องยนต์มากนัก แต่วันนี้เมื่อเราอยุ่ในช่วงร่วมสมัยลองมาดูสิว่า ต้องทำอย่างไรก่อนสตาร์ทกันบ้าง
1.ตรวจสอบตำแหน่งเกียร์ หลายคนมักลืมที่จะตรวจสอบในเรื่องนี้ก่อนทำการสตาร์ท ซึ่งสำหรับเกียร์อัตโนมัติมันอาจจะไม่ใช่ปัญหามากมายอะไร แต่กับเกียร์ธรรมดา ถ้าคุณลืมว่าเกียร์ถูกเข้าแล้วสตาร์ทเครื่อง เมื่อเริ่มการสตาร์ทรถก็อาจจะพุ่งไปข้างหน้าจนกลายเป็นอุบัติเหตุได้ ในที่สุด
2.ปิดระบบไฟฟ้าทั้งหมด หลายคนมักไม่ปิดระบบต่างตอนลงจากรถและเมื่อกลับขึ้นมาก็สตาร์ทเครื่องยนต์ทำงาน พร้อมทั้งระบบปรับอากาศ และเครื่องเสียง ซึ่งจริงอยู่ว่าสามารถทำได้ แต่ในทางที่ถูกต้องควรจะปิดก่อน เพื่อให้แบตเตอร์รี่มีกำลังไฟเต็มที่ในการจ่ายไปยังมอเตอร์ไฟฟ้าในการสตาร์ทเครื่องยนต์ ซึ่งจะทำให้มอเตอร์สตาร์ทสึกหรอน้อยลง เช่นเดียวกับชิ้นส่วนการทำงานของเครื่องยนต์ เนื่องจากการสตาร์ทเครื่องยนต์ครั้งแรกอาจจะต้องทำงานหนักเป็นพิเศษ
3.ตรวจสอบสถานะ หลายคนลืมไปว่า เราควรตรวจสอบระบบต่างๆให้พร้อมก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์ ซึ่งไม่ได้เสียเวลามากนัก ความจริงแล้วตามหลักที่ถูกต้อง คือ ควรให้ไฟเตือนนั้นขึ้นและดับครบก่อนจึงจะสามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ และเมื่อสตาร์ทไปแล้วนั้น ก็ควรดูว่ายังมีไฟเตือนที่ผิดสังเกตหลงเหลือบนหน้าปัดหรือไม่ ในเรื่องนี้ก็รวมถึงในการตรวจสอบเสียง โดยเฉพาะเสียงในลักษณะเหล็กเคาะหรือเสียดสีกัน หรือความสั่นสะเทือนที่ผิดปกติของเครื่องยนต์ ก่อนออกรถด้วย
การสตาร์ทเครื่องยนต์อาจจะเป็นเรื่องง่ายและใกล้ชิดกับพวกเราทุกคน แต่ว่า การทำอย่างไรให้ถูกต้องกับเป็นเรื่องที่เรามองข้างมไปโดยปริยาย ซึ่งอาจจะจริงที่ว่า มันไม่เสียง่ายๆแต่การทำในสิ่งที่ถูกต้องก็ช่วยรักษาสภาพไม่เพียงแค่สวิทช์กุญแจ แต่รวมถึงในส่วนของเครื่องยนต์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวโยงอื่นๆ ด้วย