ผู้เขียน หัวข้อ: ดูแลรักษาสีรถให้สดสวย  (อ่าน 1670 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Far

  • บุคคลทั่วไป
ดูแลรักษาสีรถให้สดสวย
« เมื่อ: กันยายน 01, 2014, 06:15:02 AM »
ดูแลรักษาสีรถให้สดสวย

>> เวลาได้รถใหม่เรามักจะทุ่มทุนมากเป็นพิเศษในการดูแลรักษารถ เพื่อให้สดสวยสดใสอยู่ตลอดเวลา >> เมื่อมีรถคันแรกแล้วก็ต้องรู้จักดูแลรักษา รวมถึงรู้จักเลือกของตกแต่งให้มันคุ้มเงิน และควรรู้ว่าอะไรควรเปลี่ยนหรืออะไรไม่ควรเปลี่ยน อะไรเลือกแบบประหยัดได้ หรืออะไรไม่ควรเขียม เพื่อให้รถของคุณสวยงามและมีประสิทธิภาพในการใช้งานสูงสุด

นอกเหนือจากการตกแต่งรถยนต์แล้วการดูแลรักษารถยนต์ก็เป็นเรื่องที่เจ้า ของรถให้ความสำคัญ วันนี้เราจะคุยเรื่องของการดูแลรักษาสีรถ ให้มีความสดสวยและสดใสอยู่เสมอ

การดูแลสีรถไม่ได้หมายความแค่การล้างทำความสะอาด ลงแว็กซ์ หรือเคลือบเงา มันมีความละเอียดอ่อนและมีกรรมวิธีมากกว่านั้น เรื่องราวของการดูแลรักษาสีรถนั้นมีมากมายจริงๆ เมื่อรับรถมาแล้วส่วนใหญ่มักจะนึกถึงเรื่องของการเคลือบสีตัวรถ บ้างก็ได้แพ็คเกจแถมมาในเรื่องของการขัดเคลือบสี ลองมาทำความเข้าใจกับคำว่าดูแลรักษาสีรถกันก่อนนะครับ

 

ขัดเคลือบสี

เรามักได้ยินคำนี้กันบ่อยๆ และเข้าใจว่าคือขั้นตอนเดียวกัน แต่จริงๆ แล้วนั้นแยกจากกันเป็นสองขั้นตอน คือ ‘ขัดสี’ กับ ‘เคลือบสี’

     ทำไมต้อง ‘ขัดสี’ เมื่อรถใช้งานไปนานๆ จะมีริ้วรอยขนแมวเกิดขึ้นอันเนื่องมาจากการล้างและเช็ดด้วยผ้าที่ไม่สะอาด หรืออมฝุ่น รถสีเข้ม เช่น สีดำ น้ำเงิน ส้ม หรือสีสดๆ จะเห็นรอยขนแมวชัดเจน รวมถึงเกิดจากคราบยางไม้ ขี้แมลง ทำให้การเช็ดล้างกลายเป็นบ่อเกิดของรอยขนแมว ดังนั้นจึงต้องมีการขัดสีเพื่อลบรอยขนแมวออกก่อน

     การขัดสีก็คือขัดผิวหน้าของสีหรือแล็คเกอร์ออกไป เพื่อให้สีเรียบเนียนและก่อให้เกิดความเงางาม การขัดผิวหน้าของสีหรือแล็คเกอร์ออกไปนั้นทำให้ชั้นสีที่เคลือบอยู่บางลง เหมือนเวลาที่เราขัดหน้าด้วยผงขัดละเอียดๆ แม้หน้าจะกระจ่างใสขึ้น แต่หลังจากทำแล้วจะรู้สึกแสบๆ ผิวหน้า นั่นเป็นเพราะผิวหนังถูกขัดออกไปนั่นเอง

     เมื่อขัดสีเสร็จเรียบร้อยถึงจะต่อด้วยขั้นตอน ‘เคลือบสี’ เพื่อให้ผิวที่ถูกขัดออกไปแล้วมีความเงางามยิ่งขึ้น และเป็นตัวเคลือบเพื่อคอยปกป้องชั้นสีที่ถูกขัดออกไปให้มีความแข็งแรงทนทาน ต่อรอยขีดข่วนมากขึ้น ดังนั้นไม่ควรขัดสีบ่อยในรถเก่าที่ใช้งานมาหลายปี เมื่อขัดและเคลือบสีแล้ว ต้องคอยไปเคลือบสีซ้ำตามระยะเวลาของผู้ผลิตน้ำยาเคลือบกำหนด เพื่อให้ผิวที่ขัดแล้วมีอายุการใช้งานยาวนานนั่นเอง

ขัดหยาบ ขัดละเอียด

     การขัดสีนั้นจะแบ่งเป็นสองลักษณะขึ้นอยู่กับสารเคมีหรือยาขัด โดยปกติแล้วจะมีน้ำยาแบบ ‘ขัดหยาบ’ กับน้ำยาแบบ ‘ขัดละเอียด’ กรณีที่ผิวของแล็คเกอร์เป็นรอยลึก ต้องใช้น้ำยาแบบขัดหยาบก่อนเพื่อให้ผิวของแล็คเกอร์บางลง จากนั้นตามด้วยน้ำยาขัดละเอียดเพื่อที่จะให้ผิวที่ถูกขัดชั้นแรกเรียบเนียน ขึ้น จากนั้นจึงจะตามด้วยน้ำยาเคลือบและชักเงา

     การขัดเคลือบสีก็เหมือนกับงานไม้ การจะลงแล็คเกอร์บนเนื้อไม้ให้ขึ้นเงาเรียบเนียนนั้น ต้องใช้กระดาษทรายหยาบลงผิวเพื่อเก็บเสี้ยนไม้ชิ้นใหญ่ๆ ก่อน เมื่อผิวเรียบดีเสมอกันแล้วจะลงด้วยกระดาษทรายละเอียด เพื่อให้ผิวเรียบเนียนยิ่งขึ้นก่อนจะลงแล็คเกอร์เคลือบเนื้อไม้เป็นขั้นตอน ต่อไป ซึ่งไม่ต่างจากการขัดสีเลย ดังนั้นเจ้าของรถจึงไม่ควรขัดสีตัวรถบ่อย เพราะจะทำให้ชั้นแล็คเกอร์หรือเนื้อสีบางลง แต่การเคลือบสีนั้นสามารถทำได้บ่อยครั้ง

     น้ำยาขัดละเอียดมีหลายลักษณะ แบบชนิดที่ไม่กัดสีหรือแล็คเกอร์นั้นก็มี ส่วนมากเรามักคุ้นเคยกับคำว่า ‘ขัดขี้ไคล’ นั่นก็คือคราบสกปรกที่เกาะติดแน่นจนการล้างธรรมดาไม่ออกนั่นเอง เมื่อใช้งานไปสักระยะต้องมีการขัดขี้ไคลเพื่อคืนความสดใสของสี

โปรแกรมการเคลือบดูแลรักษาสีรถยนต์ ปัจจุบันมีมากมายหลายยี่ห้อหลายลักษณะ แต่เมื่อขายเป็นแพ็คเกจมีราคาตั้งแต่ 3,000-4,000 บาทขึ้นไป จนถึงระดับหลักหมื่น อันนี้ต้องเลือกตามความเหมาะสมของเงินในกระเป๋า

GLASS COATING

     ถ้าคุณมีเงินระดับหลักหมื่นลองดูเทคโนโลยีต่อไปนี้ที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะช่วยให้เกิดความเงางามยาวนานและช่วยลดเวลาในการเข้าไปใช้บริการได้มาก นั่นก็คือการเคลือบผิวแบบ Glass Coating หรือภาษาติดปากก็คือการเคลือบแก้ว

ปัจจุบันเทคโนโลยีที่น่าสนใจสำหรับคนที่รักความเงางามคือการเคลือบแก้ว เทคโนโลยีนี้ช่วยให้สีมีความเงางามและดูฉ่ำขึ้นมาก จากสีดำก็จะเป็นดำขลับเงางาม สีน้ำเงินก็จะเป็นน้ำเงินสดยิ่งขึ้น

     ข้อดีอีกอย่างคือการเคลือบจะทำให้ผิวของสีมีความแข็งขึ้น ทนต่อรอยการขีดข่วนและการเป็นขนแมวได้ดี คราบยางไม้ ขี้แมลง หรือคราบสกปรกอื่นๆ เกาะติดได้ยาก การทำความสะอาดก็ง่าย แต่มีราคาค่อนข้างสูง ปัจจุบันราคาการเคลือบลดลงไปมากจากเมื่อ 2-3 ปีก่อน

ในรถขนาดอีโค คาร์ และซับคอมแพ็คท์เดี๋ยวนี้มีแพ็คเกจตั้งแต่ไม่ถึงหมื่นจนถึง 20,000 บาท ถามว่าคุ้มไหมเมื่อเทียบกับการซื้อแพ็คเกจขัดเคลือบสี ที่ต้องคอยไปทำทุกเดือน บอกได้เลยว่าคุ้มค่ากว่ามาก

     การเคลือบแก้วจะทำให้คุณเอาเวลาที่ต้องไปรอขัดเคลือบสีไปทำอย่างอื่นได้ อีกเยอะ เพราะการเคลือบแบบนี้จะเว้นช่วงเวลาค่อนข้างนานกว่าจะไปเติมทรีตเมนต์อีก ครั้ง และมีอายุการใช้งานยาวนานกว่าเยอะ ถ้าคุณชอบความเงางามและดูแลรักษาง่าย การเคลือบแก้วเป็นทางเลือกที่น่าสนใจและควรจะเริ่มทำทันทีเมื่อออกจากโชว์ รูม

     ขั้นตอนก็คือการใช้สารเคมีที่มีคุณสมบัติเด่นหลายๆ ด้านผนวกเข้าด้วยกัน เช่น การยึดเกาะกับผิวสีเดิมอย่างแน่นหนา และคุณสมบัติความแข็งแบบผิวกระจกนั่นจะทำให้เกิดรอยขีดข่วนได้ยากขึ้น มีความเงางามมากเป็นพิเศษ รวมถึงคุณสมบัติเรื่องของความลื่นของผิวสัมผัสทำให้ฝุ่นหรือคราบต่างๆ เกาะติดยาก ทำให้ล้างทำความสะอาดได้ง่ายกว่า

     สาเหตุที่ทำให้สีรถหมองไม่เงางามคือแสง UV ดังนั้นสารเคมีที่ผสมลงไปจะต้องมีคุณสมบัติของการป้องกันและสะท้อนแสง UV ได้ด้วย เมื่อผิวหน้าของสีแข็งและเป็นมันเงา ความชื้นก็ยากจะแทรกซึมเข้าไปในเนื้อสี ซึ่งเป็นอีกตัวการหนึ่งที่ทำให้สีเสื่อมสภาพและหมองคล้ำ

กรณีที่คิดจะใส่ชุดสปอยเลอร์รอบคัน การเลือกวัสดุอาจส่งผลในเรื่องความเรียบเนียนและความเงางามของชิ้นส่วนด้วย เพราะสปอยเลอร์ก็ต้องพ่นสีเดียวกับตัวรถ ในเรื่องของการเลือกชุดสปอยเลอร์นั้นต้องบอกว่ามีความสำคัญมาก โดยหลักๆ แล้วชุดแต่งเหล่านี้จะแบ่งเป็น 3 แหล่งที่มาใหญ่ๆ คือ ชุดแต่งจากโรงงาน ชุดแต่งจากสำนักแต่งมาตรฐาน และชุดแต่งทำมือจากร้านแต่งทั่วไป

     ชุดแต่งจากโรงงานกับสำนักแต่งมาตรฐาน ส่วนมากจะมีราคาค่อนข้างสูง โดยเฉพาะของจากสำนักแต่งมาตรฐานยี่ห้อดังๆ จะมีราคาค่อนข้างแพง แต่วัสดุที่ใช้ทั้งสองกลุ่มนี้มักจะเป็นวัสดุพวกพลาสติก ABS หรือพลาสติกแบบ PP รวมถึงไฟเบอร์แบบฉีดขึ้นรูปจากแม่พิมพ์ ชุดแต่งจากทั้งสองแหล่งนี้จะมีความเรียบเนียนของผิว และแนบสนิทกับตัวถังรถเป็นอย่างดี ชิ้นงานเมื่อทำสีก็จะมีความเงางามเช่นเดียวกับผิวของตัวรถ

     ส่วนสปอยเลอร์จากร้านทั่วๆ ไปที่ออกแบบเองหรือก๊อบเขามาส่วนใหญ่จะเป็นงานไฟเบอร์ที่ขึ้นรูปด้วยมือ ดังนั้นชิ้นงานที่ออกมาจะไม่ค่อยมีความเรียบเนียน และเมื่อทำสีแล้วจะไม่ค่อยมีความมันวาวอย่างที่ควรจะเป็น หรือใช้ไปไม่นานก็จะเริ่มซีดและด้านมากขึ้น ดังนั้นการเลือกสปอยเลอร์ควรจะเลือกวัสดุที่เป็นพลาสติกหรือไฟเบอร์แบบฉีด ขึ้นรูป เพราะในการใช้งานนั้นมันยืดหยุ่นและให้ตัวได้

การทำสีสปอยเลอร์ในรถใหม่ ต้องใช้กรรมวิธีเดียวกับทำสีตัวรถ ถ้าจะให้ดีต้องพ่นด้วยระบบ 2K สีจะได้เงางามและทนทานเหมือนกับกันชนหน้าและหลังที่ออกมาจากโรงงาน

     การทำสีอีกวิธีหนึ่งคือการพ่นแล้วเคลือบด้วยแล็คเกอร์แบบเก่า การทำสีแบบนี้จะถูกแม้ว่าจะมีความสดสวยเหมือนกับตัวถังรถ แต่มันก็คงความสดสวยได้ไม่นานนักผ่านไป 1-2 ปีก็จะเห็นความแตกต่างชัดเจน โดยเฉพาะรถสีขาว บรอนซ์ น้ำเงิน แดง และรถสีเมทัลลิกทั้งหลาย ดังนั้นถ้าคิดจะใส่สปอยเลอร์ต้องเลือกที่มีคุณภาพ การทำสีก็ต้องยอมทำสีแพงหน่อยเพื่อให้ระยะยาวสีสดสวยไม่ผิดเพี้ยน

ผ้าคลุมรถ

     ไม่ว่าจะผืนหลักร้อยผืนละสามพันหรือแพงกว่านั้น ไม่ควรคลุมแล้วจอดกลางแจ้งเพราะไอร้อนที่เกิดขึ้นใต้ผ้าคลุมรถนั้นสะสมสูง มาก สูงชนิดที่ว่าอาจจะทำให้ผ้าหรือสารเคมีที่เคลือบอยู่ เช่นผ้าคลุมกันน้ำ ละลายติดกับสีรถได้เลย กรณีแบบนี้เจอกันบ่อยครั้ง การใช้ผ้าคลุมรถควรใช้ในที่ร่มเท่านั้นแล้วควรเลือกผ้าคลุมที่มีคุณภาพระบาย ความร้อนและความชื้นได้ดี

การจอดรถกลางแจ้ง

     จะทำให้แสง UV ทำลายสีรถโดยตรง กรณีไม่มีโรงรถหรือหลังคาที่กันน้ำกันแดดได้ดี ควรติดกันสาดที่กรอบกระจกทุกบาน กันสาดนี้จะช่วยกันฝนไม่ให้เข้าไปในห้องโดยสารเมื่อเราเปิดแง้มกระจกไว้

การแง้มกระจกไว้สักหนึ่งนิ้วจะช่วยให้การระบายไอร้อนในรถทำได้ดีขึ้น ลดอุณหภูมิในห้องโดยสารได้มาก เมื่อในห้องโดยสารระบายความร้อนได้ดี สามารถช่วยให้หลังคารถอุณหภูมิไม่สะสมสูงนัก สีหลังคาก็จะไม่โดนทำร้ายมากนัก

กรณีต้องจอดรถใต้ต้นไม้ ถ้าเป็นไม้พุ่มทึบที่สามารถสร้างร่มเงาได้ดี สามารถเอาผ้าคลุมรถมาใช้เพื่อป้องกันยางไม้และขี้แมลงได้

     กรณีมีที่จอดประจำแต่ไม่มีหลังคาให้ร่มเงา หลังคาโรงรถแบบพับได้หรือเต็นท์ราคา 3,000-4,000 บาท ก็ช่วยได้ เพียงแต่เจ้าของสถานที่ยินยอม กรณีที่ไม่สามารถทำอะไรเพื่อให้ร่มเงาได้ การเคลือบแก้วหรือการเคลือบสีเป็นประจำสามารถช่วยให้สีทนต่อแดดได้มากขึ้น

ทำอย่างไรเมื่อรถโดนปูนซีเมนต์ สี ยางมะตอย หรือวัสดุก่อสร้าง

     เมื่อขับรถผ่านสถานที่ก่อสร้างโดยเฉพาะการสร้างถนน เราหลีกเลี่ยงได้ยากถ้าไม่แน่ใจว่าสิ่งที่มาติดรถเป็นอะไร ไม่ว่าจะเป็นน้ำปูนซีเมนต์ สี หรือแม้แต่ยางมะตอย เมื่อผ่านจุดนั้นมาควรหาคาร์แคร์เพื่อทำการล้างทำความสะอาดโดดเร็ว

เพราะการทำความสะอาดก่อนที่สิ่งเหล่านั้นจะแข็งตัว จะทำความสะอาดได้ง่ายไม่ทำให้สีเสียหาย ควรหาคาร์แคร์ที่มีมาตรฐาน เพราะจะมีน้ำยาทำความสะอาดเฉพาะที่ตรงกับความต้องการ เช่น ขจัดคราบปูนซีเมนต์ สี ยางมะตอย ฯลฯ

     ถ้าไม่ทราบว่าเป็นอะไรและสิ่งที่เกาะแน่นเหล่านั้นดูท่าว่าจะไม่สามารถ เอาออกได้ง่ายๆ ควรทำใจและเปลี่ยนไปอู่สีแทน เพราะบางครั้งคาร์แคร์คิดค่าบริการแพงมาก เช่น บังโคลนหลังอย่างเดียว 2,000 บาท บวก-ลบนิดหน่อย และไม่แน่ใจด้วยว่าจะทำให้สีเงางามเหมือนเดิมหรือไม่ กรณีแบบนี้ไปหาอู่สีทำสีใหม่ทั้งชิ้นอาจจะใช้เงินราว 3,000 บาทเศษ แต่สีออกมาเงางามเหมือนเดิม เป็นการเพิ่มเงินอีกนิดแต่ได้ความคุ้มค่ามากกว่า ไม่อย่างนั้นต้องเสียเงินสองครั้งคือไปคาร์แคร์แล้วก็ต้องย้อนมาอู่สีเหมือน เดิม

Wrap ตัวถัง

     เพื่อเปลี่ยนสีหรือติดสติ๊กเกอร์เคฟลาร์ก็ตามที การ Wrap ตัวถังด้วยสติ๊กเกอร์สี สวยงามในเวลาสั้นๆ และเป็นการลงทุนที่แพง ระยะยาวเมื่อลอกสติ๊กเกอร์ออกมาแล้วมักจะพบรอยคัตเตอร์รอยขูดขีด หรือแม้แต่สีลอกออกมาเป็นแผ่นๆ

     รวมถึงการติดสติ๊กเกอร์ผิดไปจากสีที่จดทะเบียนไว้ก็ผิดกฎหมายด้วย ถ้าอยากเปลี่ยนสีเพิ่มเงินอีก 30-50 เปอร์เซ็นต์ แล้วเข้าอู่ทำสี
จะเป็นการดีกว่า ได้สีที่เงางาม และมีอายุการใช้งานยาวนานกว่า และสิ่งสำคัญเมื่อเปลี่ยนสีแล้วต้องรีบไปแจ้งเปลี่ยนสีเพื่อป้องกันปัญหาภาย หลัง

การติดสติ๊กเกอร์ฝากระโปรง หลังคา ก็ต้องดูด้วยว่าไม่ให้พื้นที่ของสีเกินกว่า 25 เปอร์เซ็นต์ ของตัวรถ ถ้าเกินต้องไปแจ้งเปลี่ยนสี ไม่อย่างนั้นก็จะโดนเรียกโดนใบสั่งอยู่บ่อยๆ

เคลือบภายในห้องโดยสาร

     สำหรับรถที่เป็นเบาะผ้า ยิ่งเป็นเบาะสีอ่อนด้วยแล้ว ยิ่งต้องให้การดูแลรักษาเป็นอย่างมาก เบาะผ้าเมื่อออกรถมาใหม่ควรเข้าไปพ่นน้ำยากันน้ำและปกป้องเนื้อผ้า น้ำยาเคมีที่ฉีดพ่นลงไปนั้นจะช่วยให้เบาะผ้าไม่เป็นรอยด่างหรือเป็นดวง เพราะจะทำให้น้ำซึมเข้าเนื้อผ้าได้ยากขึ้น และช่วยป้องกันไม่ให้เบาะนั่งดำหรือเป็นคราบไคลติดแน่น

ส่วนเบาะหนัง ถ้าเป็นโทนสีอ่อนก็ต้องเคลือบน้ำยาเช่นกัน เบาะนั่งสีอ่อนหรือโทนสีเบจนั้นแค่ช่วงเวลาไม่กี่เดือน ก็จะเห็นชัดเจนว่าเป็นคราบดำด่าง น้ำยาที่เคลือบจะช่วยไม่ให้เบาะหนังเสื่อมสภาพเร็ว และป้องกันไม่ให้เลอะง่าย

     นอกจากการดูแลรักษาด้วยการใช้บริการจากคาร์แคร์แล้ว ควรหลีกเลี่ยงผ้ายีนส์สีเข้มๆ ยิ่งซื้อมาใหม่ๆ ยิ่งต้องระวัง เพราะสีย้อมที่ติดมากับผ้ามันจะไปทำให้เบาะนั่ง ไม่ว่าจะเป็นเบาะผ้าหรือหนังสกปรก พูดง่ายๆ ก็คือสีจากผ้าตกใส่เบาะนั่นเอง ถ้าเป็นเบาะผ้ายิ่งทำความสะอาดหรือฟอกให้เหมือนเดิมได้ยาก

ต้องสวยทั้งภายนอกและภายใน

     การดูแลภายในห้องโดยสาร อีกทางหนึ่งนอกเหนือจากการทำความสะอาดแล้ว ถ้าหลีกเลี่ยงการจอดกลางแจ้งไม่ได้ควรติดกันสาด เพื่อแง้มกระจกให้การระบายความร้อนออกไปทำได้ดี การปล่อยให้ห้องโดยสารมีความร้อนสูงจะทำให้ชิ้นส่วนพลาสติกเสื่อมสภาพเร็ว ชิ้นส่วนบริเวณคอนโซลหรือแผงประตูจะมีเสียงดังออดแอดเวลารถวิ่ง และบางชิ้นก็กรอบแตกก่อนเวลาอันสมควร

อีกทางคือการเลือกฟิล์มกรองแสงที่มีคุณภาพสามารถสะท้อนแสง UV และสะท้อนความร้อนได้ดี ลงทุนแพงหน่อยแต่ใช้งานได้ยาวนานรวมถึงยืดอายุชิ้นส่วนภายในห้องโดยสารด้วย พวกน้ำมันหอมระเหยต่างๆ ควรหลีกเลี่ยง ยิ่งห้องโดยสารร้อนมากเท่าไหร่ สารเคมีที่ฟุ้งกระจายในรถ อาจเป็นตัวการทำให้คอยล์เย็นอุดตันเร็วหรือชิ้นส่วนบางอย่าง เช่น ฟิล์มกรองแสงเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ

ห้องเครื่อง

     นอกเหนือจากการดูแลรักษาสีรถ และภายในห้องโดยสารด้วยแล้ว ห้องเครื่องเป็นอีกจุดหนึ่งที่ต้องดูแลทำความสะอาด แต่ห้องเครื่องเพียงจุดเดียวที่อยากบอกว่า แค่ให้พอสะอาดไม่ต้องถึงกับเอี่ยมอ่อง เพราะการทำความสะอาดห้องเครื่องไม่เหมือนกับการทำความสะอาดส่วนอื่นๆ ของตัวรถ เพราะเครื่องยนต์ประกอบด้วยโลหะหลายชนิด แถมมีชิ้นส่วนพลาสติก ยาง ฯลฯ มากมาย ห้องเครื่องทำความสะอาดแค่ใช้ลมเป่าฝุ่นออก หรือใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดก็พอ ไม่ควรพ่นน้ำยาเคลือบใดๆ ทั้งสิ้น

     การล้างห้องเครื่องเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงแต่ไม่ใช่ว่าไม่ล้างเลย อย่างมากล้างปีละครั้งหลังหมดหน้าฝน หรือล้างหลังจากซ่อมเครื่องมาก็ได้
การล้างห้องเครื่องนั้นคุณต้องมีเวลาว่างพอ และร้านที่จะทำต้องมีความรับผิดชอบพอ การล้างห้องเครื่องที่ถูกต้องนั้น
1. ต้องรอให้เครื่องยนต์เย็นเสียก่อน เย็นขนาดที่ว่าเอามือจับท่อไอเสียได้นั่นแหละ
2. ต้องไม่ใช้น้ำแรงดันสูงฉีดล้างโดยเด็ดขาด การล้างที่ถูกต้องคือใช้น้ำยาทำความสะอาดห้องเครื่องฉีดพ่นจะเป็นแบบสเปรย์ กระป๋อง ใช้ฟ็อกกี้ หรือใช้กาพ่นสีพ่นก็ได้ จากนั้นใช้แปรงไนล่อนขัดความความสะอาด

น้ำยาบางตัวจะระบุเลยว่าให้ใช้น้ำใส่ฟ็อกกี้หรือกาพ่นสี พ่นทำความสะอาดซ้ำ แล้วใช้ลมเป่าให้แห้ง ใช้ผ้าเช็ดเพิ่มเติม แค่นี้พอแล้วสำหรับห้องเครื่องยนต์

     ทำไมต้องรอให้เครื่องยนต์เย็นก่อนและไม่ควรใช้น้ำแรงดันสูงฉีด นั่นเพราะว่าชิ้นส่วนของเครื่องยนต์ ไม่ว่าจะเป็นฝาสูบ เสื้อสูบ เกียร์ ท่อไอเสีย และระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เมื่อเครื่องทำงาน ความร้อนจากเครื่องยนต์และท่อไอเสียที่กระจายไปยังส่วนต่างๆ โลหะต่างชนิดกัน เมื่อได้รับความร้อนจะขยายตัวไม่เท่ากัน ถ้าล้างห้องเครื่องขณะเครื่องยนต์ยังร้อนอยู่ จะทำให้โลหะเกิดการเย็นตัวอย่างรวดเร็ว การเย็นตัวเพราะโดนน้ำเย็นปริมาณมากๆ ทำให้ชิ้นส่วนหดตัวอย่างรวดเร็ว โลหะต่างชนิดกันหดตัวต่างกันมีโอกาสทำให้เสื้อสูบ ฝาสูบ ท่อไอเสีย แตกร้าวได้ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ คอยล์ ฯลฯ ก็อาจลัดวงจรได้ง่าย และการใช้น้ำแรงดันสูงอาจจะทำให้ชิ้นส่วนพลาสติก ยาง เสียหายได้ด้วย

การดูแลรักษารถยนต์จึงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากที่จะทำความเข้าใจ เมื่อเข้าใจแล้วก็เลือกพิจารณาให้ถี่ถ้วนเหมาะสม ถือว่าเป็นการใช้งานอย่างคุ้มค่าอีกทางหนึ่งด้วย